แพจเกจลดค่าครองชีพหนุนดัชนีความเชื่อมั่นดีขึ้นเป็นเดือนที่ 3

แพจเกจลดค่าครองชีพหนุนดัชนีความเชื่อมั่นดีขึ้นเป็นเดือนที่ 3
ม.หอการค้าฯ ชี้หลายปัจจัยบวกส่งผลต่อความเชื่อมั่น การเมืองเริ่มมีเสถียรภาพ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยังรอลุ้นแจกเงินดิจิทัล ขึ้นเงินเดือนข้าราชการและค่าแรงขั้นต่ำ

ศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคม 256ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และจัดทำนโยบายลดค่าครองชีพโดยลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมัน ตลอดจนมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ

 

นอกจากนี้ผู้บริโภคเห็นว่าการเมืองไทยจะมีเสถียรภาพมากขึ้นในอนาคตหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้วการเมืองต่างๆ ที่มีความเห็นแตกต่างกันโดยที่ความขัดแย้งทางการเมืองน่าจะคลี่คลายลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางที่อาจยืดเยื้อบานปลาย ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลลบต่อการส่งออกของไทยทำให้การส่งออกในช่วงนี้หดตัวลง และมีผลกระทบในเชิงลบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทุกภูมิภาค

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 54.5 57.0 และ 69.2 ตามลำดับ ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ทุกรายการเมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนกันยายน ที่อยู่ในระดับ 53.2 55.4 และ 67.4 ตามลำดับ แสดงว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยสามารถกลับมาฟื้นตัวได้หลังมีการจัดตั้งรัฐบาล

 ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่าผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ ราคาพลังงานและค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง

การปรับตัวดีขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ที่ปรับตัวจากระดับ 58.7 เป็น 60.2 เป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3  โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้าค่าครองชีพสูงและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยและทั่วโลก ตลอดจนสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในปาเบนไตน์อาจยืดเยื้อบานปลาย ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี

ด้านความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม จากระดับ 42.9 เป็น 44.0 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามเช่นเดียวกัน โดยปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 66.3 มาอยู่ที่ระดับ 68.0 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ แสดงว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มกลับมาปรับตัวดีขึ้นจากสถานการณ์การเมืองและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีเสถียรภาพ ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรัฐบาลใหม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วภายใต้นโยบายที่ได้ประกาศไว้

รศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะเริ่มกลับมาดีขึ้นต่อเนื่องมาหลายเดือน แต่ถือว่ายังดีขึ้นไม่เต็มที่นัก โดยผู้บริโภคยังรอความชัดเจนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะใช้เม็ดเงินจริงมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งการปรับอัตราค่าจ้างแรงงานขึ้นต่ำจะออกมาเป็น 400 บาทต่อวัน ในช่วงใดและอัตราเงินเดือนของข้าราชการจะเป็นจริงได้แค่ไหน

 

ปัจจัยเหล่านี้กำลังเป็นที่จับตาดูว่าปีหน้ามาตรการเหล่านี้จะออกมาชัดเจนแค่ไหน โดยคาดว่าหากออกมาชัดเจนเชื่อว่าจะทำให้อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในปีหน้าจะเติบโตได้ร้อยละ 3.5-4 หรืออาจจะเติบโตมากกว่านี้ได้ ซึ่งมหาลัยหอการค้าไทยจะประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยอีกครั้งในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้

 

 

TAGS: #ลดค่าไฟฟ้า #ค่าราคาน้ำมัน #กระตุ้นเศรษฐกิจ #ดัชนีความเชื่อมั่น