ส.อ.ท.แนะควรปรับค่าจ้างตามทักษะฝีมือ หวั่นปรับขึ้นสูงมากกระทบต้นทุนผลิตดันสินค้าปรับราคา จนมีผลต่อเงินเฟ้อ
นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 35 ในเดือนพฤศจิกายน 2566 ภายใต้หัวข้อ “ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอย่างไรให้ลูกจ้างและนายจ้างอยู่รอด” พบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. มีความกังวลถึงกรณีที่หากภาครัฐมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่ในอัตราที่สูงเกินไป รวมทั้งการที่ผู้ประกอบการจะต้องแบกรับภาระในการปรับขึ้นค่าจ้างให้กับแรงงานเดิมตามฐานอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ จะสร้างแรงกดดันต่อต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ทำให้ต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและจะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ
ทั้งนี้จากผลสำรวจปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีต้นทุนแรงงานอยู่ที่ 11 – 20% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด ดังนั้น ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอให้ภาครัฐพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่ โดยยึดหลักการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ (Pay by Skill) เพื่อจูงใจให้เกิดการพัฒนาทักษะแรงงาน และควรมีมาตรการส่งเสริมกลไก Pay by Skill โดยเฉพาะการเร่งรัดให้มีการกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ครบทุกสาขาอาชีพ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการส่งพนักงานเข้าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า
นอกจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่แล้ว ผู้บริหาร ส.อ.ท. เห็นว่า ภาครัฐควรจะต้องแก้ไขปัญหาปากท้องของแรงงานในระยะยาวควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะการดูแลลดค่าครองชีพให้กับประชาชน เช่น ลดค่าโดยสารสาธารณะ ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า เป็นต้น รวมทั้งมีการกำกับดูแลการปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและควบคุมให้มีการปรับราคาสินค้าขึ้น-ลงตามต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้แรงงานมีเงินเหลือใช้จ่ายมากขึ้นและยังช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับตลาดอีกทางหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตามผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่มองว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า ภาคอุตสาหกรรมยังมีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาการใช้แรงงานในภาคการผลิตอยู่ แต่จะเริ่มมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยการนำเครื่องจักรมาใช้ทดแทนการใช้แรงงานคนมากขึ้น ในอัตราส่วนไม่เกิน 20% ของการใช้แรงงานคนในปัจจุบัน
สำหรับการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 256 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 46 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 35 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้
1. ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมมีต้นทุนค่าแรงงานคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด
อันดับที่ 1 : 11 - 20% 33.0%
อันดับที่ 2 : 21 - 30% 25.3%
อันดับที่ 3 : 31 - 40% 17.6%
อันดับที่ 4 : มากกว่า 40% 12.6%
อันดับที่ 5 : น้อยกว่า 10% 11.5%
2.ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลต่อกรณีหากมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราที่สูงเกินไปอย่างไร (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : กดดันต้นทุนการผลิตจนทำให้ต้องมีการปรับขึ้นราคาสินค้า 66.7 และส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ
อันดับที่ 2 : ภาระในการปรับขึ้นค่าจ้างให้กับแรงงานเดิม ที่จะต้องปรับขึ้น 63.6% ตามค่าจ้างขั้นต่ำใหม่
อันดับที่ 3 : ขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลกลดลง 57.9%
อันดับที่ 4:อัตราการจ้างงานลดลงจากการปรับลดแรงงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายขององค์กร 38.7%และยกระดับระบบสวัสดิการแรงงาน
3. แนวทางการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำแบบใดเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
อันดับที่ 1 : ใช้การจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ (Pay by Skill) 45.3% สำหรับแรงงานที่มีฝีมือเพื่อจูงใจให้พัฒนาทักษะ
อันดับที่ 2 : ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำตามสภาพเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัด 35.6% โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด
อันดับที่ 3 : ชะลอการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำออกไปก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว 17.2%
อันดับที่ 4 : ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราเดียวเท่ากันทั่วประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ 1.9%
4. ภาครัฐควรส่งเสริมกลไกการจ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ (Pay by Skill) อย่างไร (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : เร่งรัดให้มีการกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงานให้ครบทุกสาขาอาชีพ 62.1%
อันดับที่ 2 : สามารถนำค่าใช้จ่ายในการส่งพนักงานเข้าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน 60.9% ไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า
อันดับที่ 3 : สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน 48.3% เพื่อลดภาระให้แก่ผู้ประกอบการ
อันดับที่ 4 : จัดสรรงบประมาณดำเนินโครงการฝึกอบรมให้แก่แรงงานที่ต้องการพัฒนา 46.4% ฝีมือแรงงาน
5.นอกจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำแล้ว รัฐบาลควรแก้ไขปัญหาปากท้องของแรงงานในระยะยาวอย่างไร (Multiple choices)
อันดับที่ 1 : ลดค่าครองชีพให้กับประชาชน เช่น ลดค่าโดยสารสาธารณะ ค่าน้ำ 69.3% ค่าไฟฟ้า เป็นต้น
อันดับที่ 2 : กำกับดูแลการปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม 65.9% และควบคุมให้มีการปรับราคาขึ้น/ลงตามต้นทุนที่แท้จริง
อันดับที่ 3 : สนับสนุนให้เกิดการสร้างงานใหม่ๆ ผ่านโครงการรัฐ และพัฒนาศูนย์ฝึกอาชีพ 39.8% ให้กับชุมชน
อันดับที่ 4 : เพิ่มสวัสดิการให้กับแรงงานในระบบประกันสังคม เช่น เงินอุดหนุนการศึกษาบุตร 36.4% เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น
6.ใน 3 ปีข้างหน้า ภาคอุตสาหกรรมมีแผนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโดยการนำเครื่องจักรมาใช้ทดแทนแรงงานคน คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นของการใช้แรงงานคนในปัจจุบัน
อันดับที่ 1 : น้อยกว่า 20% 34.9%
อันดับที่ 2 : 21 - 30% 26.4%
อันดับที่ 3 : มากกว่า 50% 16.1%
อันดับที่ 4 : 31 - 40% 13.0%
อันดับที่ 5 : 41 - 50% 9.6%