รมว.พาณิชย์ ย้ำทุกภารกิจต้องทำเพื่อประชาชนกำชับเดินหน้าแผนระยะกลาง-ยาว ดูแลศักยภาพเอสเอ็มอี เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันในธุรกิจ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังติดตามการดำเนินงานนโยบาย Quick Win ของรัฐบาล และมอบนโยบายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า ได้เดินทางมากรมพัฒนาธุรกิจการค้า พร้อมนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ และนายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานนโยบาย Quick Win หรือ แผนปฏิบัติงานเร่งรัดของรัฐบาล พร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่ผู้บริหารกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ทั้งนี้นับตั้งแต่วันที่รัฐบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ได้กำหนดนโยบายที่หน่วยงานภาครัฐต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนให้บรรลุเป้าหมายระยะสั้นตามที่กำหนด โดยต้องมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน รวมทั้ง วางพื้นฐานเป็นแนวปฏิบัติต่อเนื่องระยะยาวส่งผลให้เศรษฐกิจภาพรวมประเทศมีความเข้มแข็ง
สำหรับนโยบาย Quick Win ของกระทรวงพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประกอบด้วย 1. ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส 2. บริหารให้เกิดความสมดุล ประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการ และ 3. การอำนวยความสะดวกทางการค้า
ทางนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้รายงานความคืบหน้าและแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนที่สอดคล้องกับภารกิจกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 3 ด้าน ประกอบด้วย
ด้านการจดทะเบียนและให้บริการข้อมูลธุรกิจ ให้ความสำคัญต่อการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชนด้วยบริการที่ ‘สะดวก ถูกต้อง รวดเร็ว’ ผู้ประกอบการและประชาชนสามารถนำข้อมูลธุรกิจไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นำไปต่อยอดสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ
รวมทั้ง ลดขั้นตอนการดำเนินงาน ลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน ประกอบด้วย พัฒนาบริการดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบให้ครบทุกกระบวนงาน (Digital 100%) เช่น ระบบจดทะเบียนบริษัทมหาชน หรือ e-PCL ระบบออกใบอนุญาตและหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ระบบจดทะเบียนสมาคมการค้าและหอการค้า พัฒนาระบบจดทะเบียนธุรกิจ เป็นต้น
รวมาถึงขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจ เช่น การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับกรมสรรพากร เพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคล ในการขออนุมัติ อนุญาตจากส่วนราชการ โดยปัจจุบันได้เชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลของกรมฯ กับหน่วยงานต่างๆ แล้ว 165 หน่วยงาน และได้เร่งทำความเข้าใจกับส่วนราชการเพื่อลดภาระภาคธุรกิจ ในการขอข้อมูลนิติบุคคลและสำเนาเอกสารทางทะเบียนเพื่อไปยื่นต่อหน่วยงานต่างๆ ที่ได้เชื่อมโยงข้อมูลกับกรมฯ
ขณะเดียวกันยังเพิ่มบริการชุดข้อมูลสนับสนุนการพิสูจน์การยืนยันตัวตนนิติบุคคล (Digital ID) และ ปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค ไม่ทันสมัย และให้รองรับการพัฒนาบริการสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
ด้านส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เป้าหมายสำคัญ คือ การพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน มี ‘รายได้ เติบโต และยั่งยืน’ ขยายสัดส่วน GDP ของเอสเอ็มอี จาก 34.6% ในปี 2564 เป็น 40% ในปี 2570 แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 4 ภารกิจ คือ พัฒนาศักยภาพในการปรับตัวของธุรกิจ สร้างความยั่งยืน เตรียมความพร้อมสู่ต่างประเทศ ผลักดันแนวคิด
‘การประกอบธุรกิจด้วยความยั่งยืน’ ส่งเสริมผู้ประกอบการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เตรียมความพร้อมเอสเอ็มอีในการลดก๊าซเรือนกระจก สอดรับแนวทางการประกอบธุรกิจประชาคมเศรษฐกิจโลก สร้างภาคีความร่วมมือในการส่งเสริมธุรกิจ
การขยายช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศให้กับเอสเอ็มอี เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ธุรกิจแฟรนไชส์ไทย ธุรกิจร้านอาหาร Thai SELECT และสินค้าพื้นถิ่น (OTOP Select) ด้วยการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ ผู้ประกอบการรายใหญ่ และ แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ
ตลอดจนผลักดันให้เกิด MOU อี-คอมเมิร์ซระหว่างกระทรวงพาณิชย์ไทย - จีน สร้างโอกาสทางการค้าและเชื่อมโยงเครือข่ายเอสเอ็มอี การจัดงานแสดงสินค้าและบริการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
ด้านกำกับดูแลและสร้างธรรมาภิบาลธุรกิจ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนและเกิดความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ คือการบูรณาการความร่วมมือสำนักงานบัญชี และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อเพิ่มจำนวนสำนักงานบัญชีคุณภาพการจับมือหน่วยงานพันธมิตร เช่น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินหน้ากำกับดูแล และตรวจสอบเรื่องธรรมาภิบาลการประกอบธุรกิจ
นอกจากนี้ กรมฯ เตรียมดำเนินการตามนโยบาย Quick Win ระยะกลางและระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดธุรกิจเอสเอ็มอีเป้าหมาย คือ เครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจบริการสุขภาพและความงาม ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) ธุรกิจชุมชน ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก (โชห่วย) และธุรกิจฟู้ดทรัค โดยเร่งดำเนินการเสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น ส่งผลต่อการสร้างรายได้และผลกำไรที่มั่นคง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า นโยบายสำคัญที่มอบแก่ผู้บริหารกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเน้นสานต่อนโยบาย Quick Win ของรัฐบาลที่อยู่ระหว่างดำเนินงาน โดยกำชับให้กรมฯ ดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปสู่ระยะกลางและระยะยาวเพื่อเชื่อมโยงไปยังภารกิจสำคัญของรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รวมทั้ง พัฒนางานและบริการใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการและอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชนให้ได้มากที่สุด
สำหรับภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีที่เป็นหน่วยธุรกิจหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ให้กรมฯ เร่งดำเนินการประกอบด้วย
1. ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจที่กรมฯ มีอยู่ในคลังข้อมูลธุรกิจเพื่อให้ภาคธุรกิจนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
2. ผลักดันให้ผู้ประกอบการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นธุรกิจสีเขียวที่กำหนดนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
3. เสริมสร้างองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ และสร้างความพร้อมสำหรับอนาคต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน สร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจ รองรับความท้าทายทุกรูปแบบที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือหลักสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการธุรกิจ พร้อมเร่งขจัดอุปสรรคทางการค้าด้านต่างๆ ทั้งการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เอื้อประโยชน์และอำนวยความสะดวกต่อการประกอบธุรกิจ
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่ากรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะสามารถปฏิบัติราชการได้บรรลุตามเป้าประสงค์ของรัฐบาล เพื่อให้ภาคธุรกิจเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนและสร้างความมั่นคงต่อระบบเศรษฐกิจ มีความเชื่อใจ เข้าใจ และพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการเดินหน้าพัฒนาประเทศ มีการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ขณะที่ภาครัฐต้องมีการกำหนดเป้าหมายและเกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน เห็นผลเป็นรูปธรรม สำคัญที่สุด คือ ต้องยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ผลลัพธ์จากทุกการปฏิบัติราชการต้องส่งผลดีต่อประชาชน และประชาชนต้องได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้แก่ประเทศชาติอย่างแท้จริง