ซี.พี.แลนด์ จัดงบ 3 หมื่นล. ยกเครื่องแบรนด์อสังหาฯ สู่เป้าโต 3 เท่าตัว แตะหมื่นล้านบ.ในปี 2568

ซี.พี.แลนด์ จัดงบ 3 หมื่นล.  ยกเครื่องแบรนด์อสังหาฯ  สู่เป้าโต 3 เท่าตัว แตะหมื่นล้านบ.ในปี 2568
ซี.พี. แลนด์ จัดพอร์ตใหม่อสังหาฯ เคลียรทิ้งแบรนด์ซ้ำซ้อนหันโฟกัสตลาดตามพฤติกรรมลูกค้าคนรุ่นใหม่ พร้อมขยายธุรกิจโรงแรมแบบต่อยอดของเดิม เดินหน้าสู่เป้ารายได้หมื่นล.บาทใน 2 ปีหน้า

กีรติ ศตะสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท.ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน) หรือ CP LAND ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ ซี.พี. เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมงบปะมาณเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนพัฒนาโครงการต่างๆภายใน 2 ปี (2567-2568)

โดยในส่วนโครงการอสังหาริมทรัพย์ จะพัฒนาโครงการทั้งแนวราบและคอนโดมีเนียมมูลค่าแต่ละโครงการไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท ราว 5 โครงการในทำเลหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคตามนโยบายภาครัฐ อาทิ เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่นนครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต กระบี่ พัทยา ชลบุรี เป็นต้น

ในปี 2567 มีแผนเปิดตัวคอนโดมีเนียม 3 โครงการใหม่ มีจำนวน 700-800 ยูนิตต่อโครงการ วางระดับราคามากกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไปเป็นครั้งแรก จากก่อนหน้าบริษัทพัฒนาคอนโดราคาหลักล้านบาทต้นๆไม่เกิน 2 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนบริหารจัดการแบรนด์เดิมโครงการอสังหาริมทรัพย์เดิมที่มีอยู่ทั้งแนวราบ ราว 3-4 แบรนด์ และคอนโดมีเนียมใหม่ประมาณ 10 แบรนด์ โดยจะมุ่งทำตลาดเฉพาะแบรนด์หลัก อาทิ ดรีม คอนโดมีเนียม ในการทำตลาดเท่านั้น เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ในตลาดปัจจุบัน

โดย บริษัทยังได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา บ้านเดี่ยวระดับลักซูรีแบรนด์แรก LUXRIVA RESIDENCES นำร่องใจกลางเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช วางแนวคิดโมเดิร์น-ทรอปิคัล ลักซูรี ลีฟวิง นิยามใหม่เหนือระดับแห่งการใช้ชีวิต ด้วยการออกแบบผสานเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรมไทยท้องถิ่นของภาคใต้แบบร่วมสมัย

โดยโครงการฯ วางระดับราคา 12-20 ล้านบาท รองรับตลาดในกลุ่มนักธุรกิจ บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ประกอบการท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จ (Local Achiever) ด้วยจุดเด่นรับประกันโครงสร้าง 10 ปี เปิดให้จองสิทธิ์ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คาดในเฟส1 จะแล้วเสร็จต้นปี 2567

กีรติ กล่าวว่าแนวทางดังกล่าว ยังสอดคล้องกับทิศทางความต้องการของผู้บริโภคในตลาดปัจจุบัน ที่แบ่งตามพฤติกรรมและกำลังซื้อตามแนวลึก (Vertical) ดังนี้ กลุ่มคิดก่อนซื้อ (Thinker) ให้ความสำคัญและใส่ใจด้านราคาสินค้าสมเหตุสมผล กลุ่มให้ความสำคัญแบรนดิง (Striver) เพื่อแสดงสถานะทางสังคม และกลุ่มชอบความแตกต่างไม่เหมือนใคร (Experience) เน้นการได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ เป็นต้น

“พฤติกรรมของผู้บริโภคเหล่านี้ยังแบ่งเซ็กเมนต์ออกเป็นกลุ่มต่างๆในการทำตลาดสินค้า คือ รายได้ระดับปานกลางถึงต่ำ กลุ่มรายได้ระดับปานกลาง กลุ่มรายได้ระดับปานกลางถึงสูง ที่จะนำมาใช้ในการกำหนดราคาสินค้าเพื่อทำตลาดด้วย” กีรติ กล่าว

พร้อมกล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมใช้งบลงทุนราว 5,000 ล้านบาท ในการยกระดับใหม่ธุรกิจโรงแรมภายใต้แนวคิดการพัฒนาปรับโฉมโรงแรมเดิมที่มีศักยภาพ (Ground Field) ด้วยจุดเด่นด้านโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่ดีอยู่มากกว่าการพัฒนาโครงการบนที่ดินใหม่ (Green Field) โดยอยู่ระหว่างเจรจาหาข้อตกลง (Deal) ร่วมกันในการพัฒนาธุรกิจอสังหาฯโรงแรม คาดพร้อมเปิดตัวในไตรมาแรก ปี2567 นี้ เช่นกัน    

สำหรับแนวทางดังกล่าว เพื่อรองรับความต้องการของตลาด (Supply) ที่คาดว่าจะกลับมาอย่างแน่นอนในอีก2 ปีหน้าหรือราวปี 2568 เป็นไปตามวัฎจักรทางเศรษฐกิจโลกที่กำลังผ่านพ้นในช่วงถดถอยครั้งใหญ่และเตรียมทยอยฟื้นตัว

โดยการดำเนินธุรกิจบริษัทฯ นับจากนี้ไปจะเน้นการลงทุนแบบยืดหยุ่น (Flexible) และยังสอดคล้องตามนโยบายการผสานความแข็งแกร่ง (Synergy) ร่วมกันระหว่างธุรกิจต่างๆเครือซี.พี. อาทิ ห้างค้าปลีกโลตัส, ร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น เป็นต้น จากการใช้ฐานข้อมูลเชิงลึกลูกค้าขนาดใหญ่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งไปพร้อมกัน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีจุดแข็งด้านสถานะทางการเงินในปัจจุบัน ด้วยหนี้สินต่ำ หรือหนี้สินต่ำกว่า 5000 ล้านบาท และมีทุนอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นหนี้สินต่อทุน 0.16 เท่า  

โดยมีรายได้ประจำธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี สำนักงานให้เช่า เกือบ1000 ล้านบาท และ ศูนย์ประชุมอีก 200 ล้านบาทต่อปี ซึ่งบริษัทยังสามารถมีเงินสดเพียงพอตลอดระยะเวลา1 ปีที่ครอบคลุมรายจ่าย แม้ว่าจะไม่มีรายได้จากธุรกิจอสังหาฯก็ตาม

ปัจจุบัน ซี.พี.แลนด์ ดำเนินธุรกิจต่างๆ ประกอบด้วย 1.ธุรกิจที่พักอาศัย บ้าน คอนโดมีเนียม 2.ธุนกิจอาคารสำนักงาน (ส่วนกลางและภูมิภาค) 3.ธุรกิจโรงแรม 4.ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 5.ธุรกิจบริหารอาคาร 6.ธุรกิจพลังงาน 7.ศูนย์ประชุมไคซ์-KICE ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น

จากแผนดังกล่าว บริษัทวางเป้าเติบโตรายได้ 10,000 ล้านบาท ในปี2568 เติบโต 80% จากปี2567 จะมีรายได้ 5,500 ล้านบาท เติบโต 83% จากปี 2566 มีรายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท พร้อมวางเป้าหมายการนำบริษัทเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ตามแผนที่วางไว้      

TAGS: #ซี.พี. #แลนด์ #กีรติ #ศตะสุข