คนไทยเริ่มกล้าใช้เงินสร้างเงินสะพัด  1.05 แสนล้านบาท เน้นกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยวในพื้นที่  ขณะที่ของขวัญนิยมซื้อกระเช้าอันดับ1 รองลงมายังเป็นสุราและ ไวน์

รศ.ดร.ธนวรรธน์  พลวิชัย  อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลการสำรวจพฤติกรรมและการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ว่า ภาพรวมบรรยากาศคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา โดยประเมินการใช้จ่ายมีมูลค่า 105,924.21 ล้านบาท ขยายตัว 2.8%สูงสุดในรอบ 4 ปี นับเป็นครั้งที่ 2 ที่มีเงินสะพัดเกินแสนล้านบาท

ทั้งนี้ประชาชนเริ่มมีการจับจ่ายในช่วงเทศกาล แม้ยังมีความระมัดระวังการใช้เงินบ้าง  และจะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้นจากมาตรการที่รัฐบาลออกมาเป็นของขวัญปีใหม่ในหลายกิจกรรม  โดยต่อคนจะมีการใช้จ่ายช่วงปีใหม่นี้ จะอยู่ที่ 6,000 บาทและท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่า 35,000 บาทต่อคน

ขณะที่กิจกรรมที่ส่วนใหญ่ทำคือการกลับบ้าน และท่องเที่ยว ในพื้นที่ระยะใกล้ ส่วนของขวัญยอดนิยมอันดับแรก คือ กระเช้าของขวัญ รองลงมาเป็น สุราและไวน์  สินค้าโอทอป

นอกจากนี้ คำอวยพรที่ต้องการเห็นคือ ขอให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรรามธิดาทรงหายจากอาการประชวรในเร็ววัน และขอให้พระราชินีในรัชกาลที่ 9 และพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และพระบรมมหวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ทรงมีพระพลามัยแข็งแรง พร้อมทั้งขอให้ตัวเองมีรายได้ดีขึ้น และขอให้เศรษฐกิจและค่าครองชีพลดลง และอื่นๆเป็นต้น

“ภาพรวมเทศกาลปีใหม่นี้ถือว่าคึกคัก ประชาชนจะออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น แต่ยังเป็นการจับจ่ายใช้สอยอย่างระมัดระวัง แม้ในปีหน้าหลายสำนักคาดการณ์จีดีพีไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น เติบโตอยู่ที่ 3-4 % แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยจะเชื่อมากนัก เนื่องจากยังมองว่าปัจจัยภายนอก เช่น เศรษฐกิจโลก สงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสยังไม่รู้ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง แม้เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะเติบโตขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ประชาชนอยากเห็น คือ การแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบของรัฐบาลจะสามารถแก้ไขได้มากน้อยแค่ไหน”