หอการค้าฯผนึกกรมพัฒน์ดัน e-Government

หอการค้าฯผนึกกรมพัฒน์ดัน e-Government
หอการค้าฯร่วมเดินหน้าปลดล็อคอุปสรรคทำธุรกิจหนุนใช้ e-Government ขณะที่เร่งเพิ่มศักยภาพSMEสร้างมูลค่าเศรษฐกิจดันจีดีพีไทย

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการให้การต้อนรับและแสดงความยินดี กับนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม ในโอกาสได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และจัดประชุมหารือระหว่างผู้บริหารของหอการค้าไทยกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อรับฟังข้อเสนอและแนวทางการทำงานร่วมกัน เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567

ทั้งนี้มีไฮไลท์ 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ยกระดับการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชน (Ease of doing Business)  โดยผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาบริการให้กับภาคธุรกิจ ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นในการขอใบอนุญาตและกิจกรรมต่างๆที่ภาคธุรกิจต้องติดต่อกับภาครัฐ ซึ่งอดีตที่ผ่านมามีกระบวนการจัดเตรียมเอกสาร และขั้นตอนการทำธุรกรรมที่ต้องอาศัยสำเนาและการเซ็นรับรองสำเนาจำนวนมาก ทำให้เกิดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

ในช่วงที่ผ่านมากรมพัฒน์ฯ ได้ทำการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องแล้วถึง 95 หน่วยงาน แต่บางหน่วยงานยังไม่ได้ปรับกระบวนการและขั้นตอนการติดต่อ ทำให้ยังมีการขอเอกสารที่ซ้ำซ้อนกับที่ได้เชื่อมระบบออนไลน์ไปแล้ว ซึ่งจากการหารือกับหอการค้าในครั้งนี้กรมฯจะนำข้อสังเกตไปหารือกับ กพร. เพื่อเน้นย้ำให้หน่วยงานภาครัฐที่เป็นเจ้าของเรื่องแก้ไขกฎระเบียบให้สอดคล้องกับระบบที่เชื่อมไว้แล้ว ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวก ลดเวลาติดต่อ และลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการให้ได้มากยิ่งขึ้น

ด้านการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ที่ถือเป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ของประเทศ แต่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้เพียง 35% ของ GDP เท่านั้น จากการหารือสองหน่วยงานได้เห็นพ้องที่จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมศักยภาพ SMEs ผ่านการจัดหลักสูตรอบรมต่าง ๆ อาทิ หลักสูตรทรัพย์สินทางปัญญา หลักสูตรการทำธุรกิจบัญชีเดียว เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในหลักการดำเนินธุรกิจ

ขณะเดียวกันหอการค้าไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะได้ร่วมกันจัดทำโครงการ “Family Business Thailand” เพื่อเป็นแหล่งให้ความรู้แบบ Non- Degree และ Degree ให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัวทั่วประเทศ

ตลอดจนเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงและศูนย์บ่มเพาะองค์ความรู้สำหรับธุรกิจครอบครัว สร้างโอกาสและเตรียมความพร้อมไปสู่การเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของภาครัฐที่จะทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจของ SMEs เติบโตขึ้นไปถึง 40% ของ GDP ประเทศ ภายในปี 2570

นอกจากนี้ กรมฯยังอยู่ระหว่างการจัดทำ One Stop Service เพื่อประเมินศักยภาพและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะเชื่อมโยงข้อมูลและรูปแบบการดำเนินการกับหอการค้าฯ ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการอย่างแท้จริงต่อไป

อย่างไรก็ตามจากการที่หอการค้าไทย มีเครือข่ายภาคการค้าและการท่องเที่ยวทั่วประเทศ ซึ่งได้จัดทำแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพผ่าน Happy Model รวมถึงยังดำเนินโครงการมอบป้ายของดีจังหวัด ซึ่งมีกว่า 3,000 ร้านทั่วประเทศ กรมฯ สนใจที่จะเชื่อมโยงการทำงานร่วมกันเพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT การันตีรสชาติอาหารไทยแท้ และการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นที่ดี ปัจจุบันมี 370 ร้านทั่วประเทศ พร้อมโปรโมทร้านอาหาร Thai SELECT ผ่านสิทธิประโยชน์ TCC Connect ของหอการค้าไทย และแอพพลิเคชั่น TAGTHAi แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวของประเทศ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย

นายสนั่น กล่าวว่า หอการค้าฯ พร้อมสนับสนุนและมีส่วนร่วมกับกรมฯ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย ยกตัวอย่างในช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินการร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การจัดประกวดสมาคมการค้าดีเด่นที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการกระตุ้นให้สมาคมการค้ามีการพัฒนาองค์กรไปสู่มาตรฐานสากล

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า นโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับและพัฒนาผู้ประกอบการให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง

การพูดคุยกับหอการค้าในครั้งนี้ มีส่วนช่วยพัฒนาการดำเนินงานเพื่ออำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชนได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ กรมฯ มีความสนใจที่จะให้ข้าราชการรุ่นใหม่ในสังกัด เข้าร่วมในหลักสูตรที่สำคัญของหอการค้าฯ อาทิ โครงการพัฒนาศักยภาพผู้นำคลื่นลูกใหม่ (Young Public and Private Collaboration : YPC) และ โครงการ Developing Outstanding Talents for Thailand : DOT เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือภาครัฐและเอกชนในการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในอนาคต

 

 

TAGS: #e-Government #SME #กพร.