‘กรุงทองพลาซา’ ครบรอบ 23 ปี ขยับแผนธุรกิจใหญ่รับปีมังกร เดินกลยุทธ์สู่ศูนย์รวมแฟชั่นพลัสไซซ์ เจาะฐานลูกค้ายุโรป วางเป้าปี 67 ยอดทะลุ 500 ล้าน ปักธงขึ้นแท่นฮับแฟชั่นเสื้อผ้าพลัสไซซ์ของเอเชีย
อัญชลี ตันติวงษากิจ กรรมการผู้จัดการ ห้างกรุงทองพลาซา กล่าวว่า ปัจจุบัน ‘กรุงทองพลาซา’ ห้างค้าปลีกค้าส่ง ทำเลประตูน้ำ หนึ่งในใจกลางย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ ได้ดำเนินธุรกิจขึ้นสู่ปีที่ 24 ด้วยจุดแข็งการพัฒนาพร้อมส่งมอบประสบการณ์สินค้าแฟชั่นที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าสาวพลัสไซซ์ และได้ก้าวสู่การเป็นห้างค้าส่งเสื้อผ้าพลัสไซซ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ พร้อมวางเป้าหมาย ยกระดับห้างกรุงทองพลาซาให้เป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้าพลัสไซซ์ของภูมิภาคเอเชีย
สำหรับภาพรวมธุรกิจของห้างกรุงทองพลาซา มีอัตราการเช่าพื้นที่ของห้างฯ ในปี 2566 ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยการเช่าพื้นที่เต็ม 100% ไม่มีพื้นที่ว่าง ในส่วนของปี 2567 มีการจองและทำสัญญาเต็ม 100% แล้วเช่นกัน นับเป็นสัญญาณการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันมีลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนกันเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าเฉลี่ย 10,000 คน ต่อวัน ในวันธรรมดา และช่วงวันหยุดอาจจะสูงถึง 20,000 คน ต่อวัน โดยเมื่อเปรียบเทียบมีอัตราที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2565 ถึง 50%
สัดส่วนร้านค้าในห้างกรุงทองพลาซาในปัจจุบัน มีสินค้าพลัสไซซ์มากกว่า 70% ที่เหลือจะเป็นเสื้อผ้าไซซ์เล็ก รวมไปถึงเครื่องประดับ อุปกรณ์การแต่งตัวต่างๆ เช่น เข็มขัด รองเท้า วิกผม และกระเป๋า เป็นต้น โดยกลุ่มสินค้าแฟชั่นสาวพลัสไซซ์ ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ในอันดับแรก จะเป็น เสื้อผ้าแฟชั่นในแนวมินิมอล สามารถใส่ใช้งานได้ทุกวัน รองลงมาเป็นแฟชั่นชุดทำงาน และออกงานต่างๆ
ขณะที่แนวโน้มรูปแบบการขายสินค้าแฟชันในปัจจุบัน จะมุ่งเน้นทางออนไลน์ควบคู่กับรูปแบบออฟไลน์ ทั้งการไลฟ์สดขายเองบนแพลทฟอร์มต่างๆ หรือการให้ชาวต่างชาติ หรือลูกค้าที่ซื้อสินค้ามาทำการไลฟ์ขายสินค้าหน้าร้าน ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยในส่วนของออฟไลน์ก็ยังคงซัพพอร์ตลูกค้าที่สะดวกในการเลือกสี เลือกสินค้าด้วยตัวเอง ได้จับสินค้าจริง รวมไปถึงการขายส่ง ที่ต้องมีพื้นที่ในการจัดทำสต็อก เพื่ออำนวยความสะดวกในการมารับสินค้าได้ง่ายและสร้างความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กรุงทองพลาซา ยังวางแผนโรดแมปการทำตลาดสู่ปีที่ 24 ด้วยกลยุทธ์ ‘การมีประสบการณ์ร่วม’ เพื่อสร้าง Top of Mind ครองใจสาวพลัสไซซ์ทั่วเอเชีย พร้อมจัดแคมเปญการตลาดตลอดทั้งปี อาทิ แจกโชคทองทุกสัปดาห์ ควงซุปตาร์ตะลุยช้อปฟรี เป็นการกระตุ้นยอดขายและคืนกำไรให้กับลูกค้า โดยในปี 2567 นี้ ทางห้างฯ ยังเตรียมจัดโปรโมชั่นตอบแทนลูกค้าต่างๆ จากการประเมินกิจกรรมที่ผ่านมา ลูกค้าที่ร่วมสนุกกับกิจกรรมส่งเสริมการขายของทางห้างฯ จะกลับมาซื้อซ้ำและมาพร้อมกับยอดซื้อที่เยอะขึ้นกว่าเดิม
อัญชลี กล่าวว่า กรุงทองพลาซา ยังวางอีกหนึ่งกลยุทธ์ในปัจจุบัน คือการทำ Content Marketing สร้างคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ทางห้างฯ ได้มุ่งเน้นพัฒนาคอนเทนต์คุณภาพและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ตรงจุด จากผู้ใช้บริการจริง หรือจากการรีวิวของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์และเครื่องมือจัดการ Data จากหลายแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำคอนเทนต์ให้เป็นที่พูดถึงในกลุ่มเป้าหมายและจะส่งผลต่อการดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Generation Y และ Z ที่เติบโตมาพร้อมกับยุคดิจิทัล
ขณะเดียวกัน กรุงทองพลาซา ยังสร้างความแตกต่างสินค้าให้กับผู้บริโภค ด้วยเสื้อผ้าตั้งแต่ขนาด XS -6XL ซึ่งส่วนใหญ่ในท้องตลาดจะผลิตเพียง S-2XL เพื่อรองรับความต้องการสินค้าของผู้บริโภคที่มีความหลากหลายได้ตรงความต้องการและชัดเจน โดยในอนาคตตจะยังพัฒนาปรับเพิ่มไซซ์ให้ถึง 8XL รวมถึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายด้วยโปรโมชันที่แตกต่างไปจากคู่แข่งรายอื่นในตลาด ที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน
“จากข้อมูลเชิงลึกกลุ่มลูกค้าพลัสไซซ์ ห้างกรุงทองพลาซาส่วนใหญ่ ใช้จ่ายเฉลี่ย 2,000+ มาจากความหลากหลายของสินค้าตอบโจทย์ด้านบิวตี สแตนดาร์ด แฟชั่นแนวมินิมอลมาแรงเบอร์หนึ่ง ซึ่งสาวไทยยังครองสัดส่วนลูกค้าอันดับหนึ่งกว่า 70% ส่วนลูกค้า LGBTQ พลัสไซซ์เป็นเทรนด์น่าจับตามอง” อัญชลี กล่าว
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของทางห้างฯ สัดส่วนของคนไทยยังถือได้ว่าเป็นส่วนใหญ่กว่า 70% และเป็นอัตราส่วนลูกค้าต่างชาติประมาณ 30% โดยส่วนมากจะเป็นประเทศในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ โดยภาพรวมนั้นสัดส่วนของลูกค้าเพศหญิงยังถือว่ามากที่สุด รองลงมาจะเป็น LGBTQ และผู้ชาย สำหรับการจับจ่ายแต่ละครั้งของลูกค้าปลีกอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 3,000 บาทต่อครั้ง และลูกค้าส่งจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทต่อครั้ง จะเห็นได้ว่าทางห้างฯ มีการให้ความสำคัญกับทุกเพศและทุกวัย เพราะเรื่องแฟชั่นไม่ได้จำกัดแค่ชายหรือหญิง แต่ในยุคปัจจุบันมีการเปิดกว้างและเป็นอิสระ ทางห้างฯ จึงพยายามผลักดันตลาดเฉพาะกลุ่มเพิ่มมากขึ้น
โดยในปี 2567 จะมีการปรับสัดส่วนของต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น โดยมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มมุสลิมและโซนยุโรปให้มากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตและมีกำลังซื้อมาก ซึ่งจะช่วยให้ทราฟฟิคทางห้างฯ เพิ่มขึ้นได้อีก 30% และคาดว่าในปี 2567 จะมีรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ กรุงทองพลาซา ยังได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ 23 ปี แคมเปญ "กรุงทองพลาซา 23 Anniversary แจกรถฟรีมีแต่ให้" พร้อมรันเวย์สุดยิ่งใหญ่ “The Fashion Show 23th Anniversary Celebration” ดึงเหล่าศิลปินชื่อดังอวดลุคสุดปัง กับคอนเซ็ปต์เก๋ “Shading of You” ปลุกสีสันให้ชีวิตในแบบที่เป็น ผ่านเรื่องราวการเดินแบบทั้ง 4 เซ็ท 4 เรื่องราว เริ่มต้นที่
- ‘Daily Life’ แต่งเติมสีสันและแฟชั่นในชีวิตประจำวันกับการแต่งตัว every day look ที่คุณสามารถใส่ไปทำงานได้ ใส่เที่ยวได้ และใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง “uniqueness” กับการสร้างความเป็นตัวตนและเป็นเอกลักษณ์ผ่านแฟชั่นการแต่งตัว สะท้อนความเป็นตัวคุณออกมาให้โลกได้เห็น
- ‘Party’ เติมความสนุกสนานให้กับแฟชั่น เติมความปาร์ตี้ลงไปในชีวิต
- ‘Runway’ แต่งตัวให้ดูโดดเด่นเตะตาแบบ Runway look ที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กล้าที่จะแต่งตัวเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ จากกลยุทธ์ดังกล่าว จะผลักดันให้ห้างกรุงทองพลาซา มุ่งไปสู่การพัฒนาในทุกด้านเพื่อขยายการรับรู้ของแบรนด์ออกไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มีประสบการณ์ร่วมมากยิ่งขึ้น รวมถึงการขยายแบรนด์สู่ตลาดลูกค้าต่างชาติและก้าวขึ้นเป็นฮับแฟชั่นเสื้อผ้าพลัสไซซ์ของภูมิภาคเอเชีย ตามเป้าหมายที่วางไว้