LH มองอสังหาฯปี 67 ยังฟื้นตัวไม่ดี ปรับแผนธุรกิจ-บริหารเสี่ยงลงทุนโรงแรม-ห้าง รับท่องเที่ยวฟื้น เปิด11 โครงการ 3 หมื่นล.ลดลง30% จากปีก่อน ชะลอคอนโด ปิดปี66 ยอดขาย 3.1 หมื่นล.ยอดโอน 2.8 หมื่นล.

วัชริน กสิณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการบ้านจัดสรร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่า จากไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ภาพรวมในไทยจะกระเตื้องขึ้น หลังได้รัฐบาลชุดใหม่ แต่ด้วยระยะเวลาการบริหารของรัฐบาลที่สั้นยังทำอะไรได้ไม่มาก

โดยในช่วง 10 เดือน ปี 2566 ยอดหน่วยที่อยู่อาศัยจดทะเบียนที่สร้างโดยผู้ประกอบการโซน กทม. และปริมณฑล (อ้างอิง REIC) รวม 52,715 หน่วย ลดลง 17.1% (yoy)  โดยกลุ่มคอนโดเหลือ 21,177 หน่วย ติดลบ 47.9% ส่วนแนวราบอยู่ที่ 31,538 หน่วย โต 37.4%

ขณะที่จำนวนการจัดหา (ซัพพลาย) ที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ใน กทม. และปริมณฑล (อ้างอิง AREA) ช่วง 11 เดือนแรก ของปี 2566 รวม 95,527 หน่วย ลดลง 7.1% (yoy)

โดยโครงการที่อยู่อาศัยในแนวราบและคอนโดมิเนียม 'ลดลง' ดังนี้

แนวราบ 47,738 หน่วย ลดลง 4% 

• บ้านเดี่ยวและบ้ายแฝด 27,296 หน่วย เพิ่ม 17.3%
• บ้านทาวน์เฮ้าส์และอาคารพาณิชย์ 20,442 หน่วย ลดลง 22.7%

คอนโด 47,789 หน่วย ลดลง 9.9%

สอดคล้อง ซัพพลายภาพรวมสินค้าลดลงในตลาดทาวน์เฮ้าส์ 23% ตลาดคอนโด 10% ส่วนบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด โต 17.3%  ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของบริษัทฯ เผชิญการแข่งขันสูงขึ้นจากซัพพลายดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา

จากแนวโน้มตลาดอสังหาฯ และจำนวนโครงการที่มีอยู่ในมือที่ยังมากพอ ทำให้ปี 2567 บริษัทฯ วางแผนเปิดตัวโครงการรวม 11 โครงการ มูลค่า 30,200 ล้านบาท ลดลง 30% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่เปิดตัว 17 โครงการ มูลค่า 48,460 ล้านบาท

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ  มุ่งให้ความสำคัญโครงการแนวราบทั้งหมด 11 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว และมี 1 โครงการเป็นบ้านเดี่ยวผสมทาวน์เฮ้าส์ ส่งผลให้ในสิ้นปีนี้บริษัทฯ มีการดำเนินการ 84 โครงการ มูลค่า 98,550 ล้านบาท และประมาณราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเท่ากับ 9.4 ล้านบาท

แตะเบรคลงทุนคอนโด รับตลาดซึม

ด้าน โชคชัย วลิตวรางค์กูร กรรมการผู้จัดการสายปฏิบัติงาน โครงการอาคารชุด LH กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมคาดฟื้นตัวในบางกลุ่มระดับราคาและในบางทำเล โดยเฉพาะคอนโดระดับบน  โซนริมแม่น้ำ ทำให้ช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 บริษัทฯ เปิดตัวโครงการ วันเวลา ณ เจ้าพระยา มูลค่า 16,000 ล้านบาท ซึ่งได้รับผลตอบรับดี ทำยอดขายได้ 5,000 ล้านบาท คิดเป็น 35% ของมูลค่าโครงการ ส่งผลให้ปิดปี 2566 ธุรกิจกลุ่มคอนโด ทำยอดขายได้ 6,200 ล้านบาท โต 176% (yoy) ทดแทนโครงการคอนโดทำเลย่านศรีนครินทร์

“ภาพรวมตลาดคอนโด ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ประกอบกับบริษัทฯ มีคอนโดพร้อมขายในมือรวม 7 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท ทำให้ในปีนี้จะไม่มีการเปิดตัวคอนโด เน้นขายโครงการเดิมที่มีอยู่ โดยตั้งเป้ายอดขายคอนโด ปี 2567 ไว้ที่ 5,500 ล้านบาท และยอดโอน 2,000 ล้านบาท” โชคชัย กล่าว

มุ่งลงทุนอสังหาเพื่อเช่ามากขึ้น

วิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการสายงานสนับสนุน LH กล่าวว่า สำหรับธุรกิจอสังหาเพื่อเช่าขยายตัวได้ดี ปี 2566 ธุรกิจโรงแรมโต 70% และศูนย์การค้าโต 100% จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับมา จากแนวโน้มดังกล่าวทำให้บริษัทฯ ได้ลงทุนในอสังหาเพื่อเช่าผ่าน LHMH และ LH USA จำนวน 2,870 ล้านบาท ดังนี้

• โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ 920 ล้านบาท
• โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ ลุมพินี 870 ล้านบาท
• โรงแรมและอพาร์ตเมนต์ 1,080 ล้านบาท

รวมถึงลงทุนเพิ่มในกองทรัสต์ LHHOTEL มูลค่า 1,952 ล้านบาท พร้อมดันสัดส่วนลงทุนเพิ่มเป็น 26.17% จากเดิม 14.73% ซึ่งบริษัทฯ ได้ยีลด์จากการลงทุนเฉลี่ย 10% ต่อปี

ขณะที่ ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขาย โรงแรม แกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ พัทยา และแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ สเคป พัทยา ในกับ กองทรัสต์ LHHOTEL มูลค่า 9,400 ล้านบาท มีกำไรก่อนภาษี 2,500 ล้ายบาทในไตรมาส 4 ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในงบกำไรขาดทุนปี 2567-2575

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมออกหุ้นกู้ 16,000 ล้านบาท เพิ่มในปี 2567 และเตรียมงบลงทุน 11,500 ล้านบาท แบ่งเป็น

• งบซื้อที่ดิน 5,000 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่วางงบไว้ 6,100 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนส่วนอสังหาเพื่อเช่ามากขึ้น
• งบลงทุนอสังหาเพื่อเช่า 6,500 ล้านบาท แบ่งเป็น 4,000 ล้านบาท พัฒนา 3 โรงแรม คือ แกรนด์เซ็นเตอร์พอยต์ลุมพินี ราชดำริ และพัทยา 3 ส่วนอีก 2,500 ล้านบาท ลงทุนโรงแรมในแอลเอ ประเทศสหรัฐอเมริกา

สำหรับภาพรวมทั้งบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย 31,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้จากการโอนกรรทสิทธิ์ 28,000 ล้านบาท ด้านรายได้จากอสังหาเพื่อเช่า 8,540 ล้านบาท