‘ท็อปส์’ ดึงข้อมูลลึกคนไทยทำตลาดสินค้าช่วงตรุษจีน 'เจนใหม่' ยังให้ความสำคัญแต่ปรับรูปแบบตามไลฟ์สไตล์เปลี่ยน พร้อมสร้างสีสันส่งชุดไหว้เทพเจ้า ‘ชาบูหม่าล่า’ คาดปีนี้เม็ดเงินยังสะพัด ดันยอดขายโต15%
จักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัทเซ็นทรัลบ ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผู้ให้บริการค้าปลีกซูเปอร์มาร์เก็ต ท็อปส์ (TOPS) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2567 คาดยังมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องจากปี2566 มีเม็ดเงินสะพัดในช่วงดังกล่าวอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท เติบโต 13.6% เทียบกับปี 2565 สูงสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา (ที่มา-มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย) หลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ที่อัดอั้นกำลังซื้อสินค้าผู้บริโภคชาวไทยมามาช่วงระยะที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ท็อปส์ ยังได้นำความข้อมูลเชิงลึกลูกค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีที่ผ่านมา พัฒนากลยุทธ์เพื่อรองรับความต้องการ พัฒนาสินค้และบริการอใน 3 เทรนด์หลักดังนี้
- Traditional Authenticity & Adaptability ผู้บริโภคให้ความสำคัญเลือกซื้อสินค้าของไหว้ที่ถูกต้องตามประเพณี รวมถึงคนรุ่นใหม่ได้ปรับตัวตามยุคสมัยมองหาสินค้าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากขึ้น เน้นคุณภาพและความมงคล
- Eco-Consciousness เทรนด์รักษ์โลกมีผลต่อการเลือกซื้อสินค้า ด้วยผู้บริโภคสนใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ลดการจุดธูปและเผากระดาษในช่วงเทศกาลตรุษจีนเพื่อลดการก่อมลพิษ มองหาสินค้าที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน
- Mu is Everything กระแส ‘มูเตลู’ ยังได้รับความนิยมกว้างขวาง และเข้าไปอยู่ในธุรกิจต่างๆ จากสำรวจพบว่าคนไทยกว่า 52 ล้านคน มีความเชื่อเรื่องมูเตลู (ที่มา-วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล)
จากข้อมูลชุดังกล่าว ท็อปส์ นำมาปรับใช้พร้อมวางกลยุทธ์การทำตลาดสินค้าบริการรวมกว่า 500 รายการ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ใน 3 กลยุทธ์หลัก คือ
1.สร้างสีสันพร้อมยกระดับประสบการณ์ช้อปที่แตกต่าง ด้วยสินค้าของไหว้มงคล พร้อมรับเทรนด์กระแสหม่าล่า ด้วยชุดรวมชาบูหม่าล่า
2.ความครบสินค้าอุปโภค-บริโภค รองรับความต้องการลูกค้าทุกกลุ่ม ตลอดช่วงเทศกาลตรุษจีน ตั้งแต่วันเตรียมบ้าน วันจ่าย วันไหว้ และ วันเที่ยว อาทิชุดไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ และชุดโหวงแซฮองเฮาเงินเหลือกินเหลือใช้
ฯลฯ
3. คำนึงสิ่งแวดล้อม ด้วยบรรจุภัณฑ์ชุดไหว้รักษ์โลก ทำจากกระดาษย่อยสลายได้แทนถาดพลาสติก พร้อมออกแบบถูกต้องตามหลักมงคลจีน
กลยุทธ์ดังกล่าว เพื่อรองรับความต้องการผู้เข้ามาใช้บริการ จากข้อมูลพบว่า 70% ของลูกค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน เป็นผู้หญิง อายุระหว่าง 30-54 ปี ส่วนใหญ่อาศัยในทำเลกรุงเทพฯ และ ปริมณฑลคิดเป็นสัดส่วน 69% ของลูกค้าทั่วประเทศ
ขณะที่ยอดจับจ่ายซื้อสินค้าต่อตระกร้าเติบโตขึ้น 31% เทียบช่วงปกติในปี2566 ในกลุ่มสินค้าเนื้อสัตว์ อาหารทะเล มีสีดส่วน 44% กลุ่มผัก และผลไม้ 24% และกลุ่มอื่นๆ 32% และมียอดขายการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า สินค้าตรุษจีนของท็ปส์เติบโตขึ้น 38.4% โดยราคาสินค้าชุดไหว้เทศกาลตรุษจีนท็อปส์ ในปีนี้มีราคาเฉลี่ยเริ่มต้นต่อชุดอยู่ที่ 400-1,000 ใกล้เคียงกับปีก่อน
นอกจากนี้ ท็อปส์ ยังจัดแคมเปญ DISCOVER CHINA’S BEST 2024 ค้นพบมหัศจรรย์พลังมงคล พร้อมเปิดสั่งจองสินค้าล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้-5 กุมภาพันธ์ 2567 ในท็อปส์ทุกสาขาและช่องทางออนไลน์ และบริการผู้ช่วยช้อปส่วนตัว ซึ่ง2 กลุ่มหลักมีอัตราการเติบโต 2 หลักในช่วงผ่านมา และจากกลยุทธ์ดังกล่าวคาดผลักดัน ยอดขายเติบโต 15% ในช่วงตรุษจีน
จักรกฤษณ์ กล่าวเสริมแผนธุรกิจท็อปส์ ในเดือนมกราคม ปีนี้ จะขยายท็อปส์ 2 สาขาใหม่ แบ่งเป็นรูปแบบสแตนด์ อะโลน 1 แห่งในทำเลร่วมพัฒนา-ร่มเกล้า และอีก1 สาขา ในจังหวัดนครสวรรค์ ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่เตรียมเปิดตัววันที่ 31 มกราคม นี้ ปัจจุบัน ท็อปส์ เปิดให้บริการทั้งสิ้น 617 สาขาแบ่งเป็น
- ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ (Tops Food Hall) 17 สาขา
- ท็อปส์ ฟายน์ ฟู้ด (Tops Fine Food) 2 สาขา
- ท็อปส์ พรีเมียม (Tops Premium) 143 สาขา
- ท็อปส์ เดลี (Tops Daily) 515 สาขา
- สแตนด์อโลน 5 สาขา (สุขุมวิท 39 (Tops Food Hall) , สุขุมวิท 49 (Fine Food), พัฒนาการ 30 (Tops Premium), นาคนิวาส (Tops Premium) และ สาธุประดิษฐ์ (Tops Premium)