รัฐดึงส่วนลดก๊าซแหล่งบงกช อุ้มค่าไฟปีนี้ 2 หมื่นล้าน

รัฐดึงส่วนลดก๊าซแหล่งบงกช อุ้มค่าไฟปีนี้ 2 หมื่นล้าน
กรมเชื้อเพลิงฯถอดบทเรียนแหล่งก๊าซฯเอราวัณ-บงกช วางแนวทางจัดหาแหล่งเชื้อเพลิงที่เหมาะสม ชี้ก๊าซอ่าวไทยช่วยลดค่าไฟ 2 หมื่นล้าน พร้อมเร่งเปิดประมูลปิโตรฯรอบ25 ปีนี้

 ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านประเทศไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์ความผันผวนทางพลังงาน ทั้งราคาน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ อย่างต่อเนื่องจนส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการต้นทุนพลังงานของประเทศ

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ มีหน้าที่หลักในการจัดหาแหล่งพลังงานเพื่อสร้างความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านของแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ (แปลง G1/61) และแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช (แปลง G2/61) จากระบบสัมปทานมาสู่ ระบบแบ่งปันผลผลิต  (Production Sharing Contrac) หรือ PSC 

สำหรับแหล่งก๊าซฯเอราวัณแปลง G1/61 ได้เข้าสู่ระบบ PSC แล้วเมื่อวันที่ 23-24 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา  โดยได้เปลี่ยนผู้ดำเนินการหรือ โอเปอเรเตอร์รายใหม่ เป็น บริษัท ปตท.สผ.เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเม้นท์ (PTTEPED) ซึ่งมีบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) ถือหุ้น 100% 

ทั้งนี้ต้องเผชิญกับปัญหาความล่าช้าในการเข้าพื้นที่ ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนส่งผลให้การผลิตก๊าซ ไม่ได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต(ลบ.ฟุต)ต่อวันตามสัญญาที่ตกลงไว้กับรัฐ  จนทำให้ต้องมีการเพิ่มการผลิตจากแหล่งอาทิตย์และการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) มาทดแทน

สราวุธ  แก้วตาทิพย์  อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ   ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าว The Better ถึงนโยบายการจัดหาแหล่งเชื้อเพลิงในปี 2566 ว่า ปีนี้เป็นอีกปีที่ท้าทายด้านพลังงานของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เพราะจะเกิดการเปลี่ยนผ่านของแหล่งปิโตรเลียมบงกช ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นเลือดหลักของแหล่งก๊าซธรรมชาติของประเทศ  เช่นเดียวกับแหล่งเอราวัณ ได้เปลี่ยนจากระบบสัมปทานเป็นระบบ PSC แล้ว 

ส่วนแหล่งบงกชจะมีการเปลี่ยนผ่านระบบเป็น PSC มีกำหนดในวันที่ 7 มี.ค. หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป  ซึ่งต้องมีการเตรียมพร้อมเพื่อให้การผลิตก๊าซฯมีความต่อเนื่อง โดยพยายามเรียนรู้เรื่องการเปลี่ยนแผ่นจากแหล่งเอราวัณ แต่ข้อดีของบงกชคือเป็นโอเปอรเรเตอร์รายเดิม คือ ปตท.สผ.การทำงานมีความราบรื่นดี  ซึ่งถ้าเทียบกับแหล่งเอราวัณแล้ว ค่อนข้างเหนื่อยยากกว่า มีความเห็นต่างค่อนข้างมาก

ราคาก๊าซฯถูกลงช่วยลดค่าไฟได้ 2 หมื่นล้าน

หลังเปลี่ยนผ่านระบบสัญญาเป็น PSC ราคาก๊าซธรรมชาติจะเป็นราคาใหม่ทันที ซึ่งจะถูกลง 2-3 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู  จากปัจจุบัน 270-320 บาทต่อล้านบีทียู เหลือ 175 บาทต่อล้านบีทียู  ที่สำคัญเกิดผลดีกับประเทศ ปริมาณก๊าซฯที่ผลิตได้จะเป็นส่วนลดให้กับต้นทุนการผลิตไฟฟ้าคิดเป็นมูลค่า 20,000 ล้านบาท

สำหรับศักยภาพกำลังการผลิตก๊าซแหล่งบงกชผลิตได้ 850 ล้านลูกบาศก์ฟุต(ลบ.ฟุต)ต่อวัน  ตามสัญญาต้องผลิตให้ได้ 700 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน  ซึ่งดำเนินการได้ตามสัญญาแน่นอน และจะพยายามผลิตให้ได้ถึง 800 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน ภายในสิ้นปี เพราะจะช่วยลดการนำเข้า LNG ได้ทันที ขณะที่ได้ราคาก๊าซฯจากอ่าวไทยที่ถูกลง ซึ่งยังไม่รวมค่าภาคหลวง และภาษีเงินได้นิติบุคค ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านรอบนี้เป็นเรื่องน่ายินดีกับประเทศมาก

 ส่วนแหล่งก๊าซฯเอราวัณปัจจุบันยังผลิตได้แค่ 210 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน  จากเดิมที่เคยผลิตได้ 1,200 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน โดยตามแผนจะปรับเพิ่มการผลิตเป็น 400 ล้านลบ.ฟุตต่อวันได้ช่วงเดือนก.ค.  และเพิ่มเป็น600 ล้านลบ.ฟุตฟุตต่อวันก่อนสิ้นปี   ซึ่งจะสามารถผลิตได้ตามสัญญา 800 ล้านลบ.ฟุตต่อวันในเดือนเม.ย. 2567

ถอดบทเรียนวิธีบริหารจัดการก๊าซ

อธิบดีกรมเชื้อเพลิง กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณความต้องการใช้ก๊าซฯของประเทศไทยอยู่ที่วันละ 4,500 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน  ขณะที่ไทยผลิตก๊าซฯได้วันละ 2,500 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน   เมื่อรวมกับการนำเข้าก๊าซฯจากเมียนมาร์  750 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน การจัดหาจากแหล่งบนบกประมาณ 100 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน และเป็นการนำเข้า LNG อีก 1,100  ล้านลบ.ฟุตต่อวัน

การนำเข้า LNG ส่วนใหญ่เป็นสัญญาระยะยาว 5 สัญญา  แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นการซื้อขายแบบสปอต หรือซื้อขายทันที ซึ่งต้องเข้าใจว่าในอดีตราคา LNG สปอตต้องถูกกว่าสัญญาแบบระยะยาว

“จนวันนึงมาเจอกับสถานการณ์โควิด และสงครามรัสเซีย-ยูเครน  รวมถึงพฤติกรรมของผู้ใช้ก๊าซฯเปลี่ยนไป แทนที่จะทำสัญญาซื้อขายระยะยาว 20 ปี ก็ลดลงมาเป็น 15 ปี หรือ 10 ปี   ส่งผลให้เกิดการซื้อขายสปอตมากขึ้น เมื่อรวมกับปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่ดี  ราคาสปอต ปรับขึ้นสูงมากจากเดิมที่เคยขายในราคา 2-3 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู เพิ่มเป็น 40-70 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู  เพี้ยนไปมากขณะที่ราคาก๊าซฯในอ่าวไทยยังอยู่ที่ 5 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู

หนังมันกลับข้างจาก เมื่อ 30 ปี ที่ผ่าน ทำให้เกิดข้อกังวลว่าการนำเข้าLNG เพื่อมาผลิตไฟฟ้าจะทำให้ค่าไฟฟ้าแพง ส่วนที่เอกชนมองว่ารัฐบริหารพลาดในเรื่องการจัดการก๊าซฯนั้น  ต้องยอมรับว่าอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นในอดีตจะเกิดขึ้นในอนาคต ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งต้องหาบริบทมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น”

อย่างไรก็ตามค่าไฟฟ้าในปีนี้จะปรับลดลงได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งรมว.พลังงานก็พยายามหาทุกวิธีที่จะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลง  ซึ่งปัจจัยเรื่องค่าไฟฟ้าเกิดจากหลายด้านประกอบกัน  ทั้งโครงสร้างค่าไฟ สัดส่วนพลังงานทดแทน  ราคาถ่านหินเพิ่ม น้ำมัน  ปีนี้แนวโน้มราคาก๊าซฯน่าจะดีขึ้นอยู่ในทิศทางขาลง หลังมีการเปลี่ยนแผ่นแหล่งบงกช

เตรียมเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบที่ 25

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติไม่ได้เปิดให้มีการประมูลแหล่งสำรวจผลิตปิโตรเลียมมานานตั้งแต่ปี 2550  หรือประมาณ 16 ปี  จนมาเมื่อปี 2565 ได้เริ่มกระบวนการเปิดประมูลรอบที่ 24 จำนวน  3 แปลงในอ่าวไทย ล่าสุดอยู่ในขั้นตอนเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่ออนุมัติรายชื่อผู้ที่ชนะการประมูล 3 ราย ภายใน 14 มี.ค.นี้ โดยมีทั้งโอเปอเรเตอร์คนไทยและต่างชาติ ซึ่งการประมูลรอบนี้จะช่วยต่อลมหายใจของแหล่งปิโตรเลียมที่สำคัญ

นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบใหม่ หรือรอบที่ 25 ภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นแปลงบนบก จำนวน 9 แปลง อยู่ในบริเวณแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคกลางตอนบน  โดยมั่นใจจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากยังเป็นพื้นที่ที่ยังมีศักยภาพโดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้จะมีชั้นหินแข็ง ต้องเจาะลึก 2 กิโลเมตร  ใช้งบหลุมละประมาณ 6 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นพื้นที่ปราบเซียน  อย่างกรณีของแหล่งก๊าซฯน้ำพอง จ.ขอนแก่น ใช้เวลากว่า 10 เดือน จึงจะพบแหล่งก๊าซฯ  ซึ่งถ้าเทียบกับแหล่งก๊าซฯในอ่าวไทยใช้เวลาเพียง  7-10 วัน ก็เจอ

ทั้งนี้ยังคาดหวังแปลงที่อยู่ใกล้กับบริเวณแหล่งก๊าซฯสินภูฮ่อม ในบริเวณจังหวัดอุดรธานี และขอนแก่น ถ้าพบแหล่งก๊าซฯจะช่วยต่ออายุให้กับโรงไฟฟ้าน้ำพอง ที่จ่ายไฟฟ้าให้กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   ไม่เช่นนั้นอาจต้องใช้วิธีซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาว

มองภาพรวมการวางยุทธศาสตร์ของโรงไฟฟ้าในประเทศมีความมั่นคงด้านพลังงาน หากเป็นภาคเหนือมีโรงไฟฟ้าแม่เมาะ  จ.ลำปาง  ภาคใต้ มีโรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลาและโรงไฟฟ้าขนอม จ.นครศรีธรรมราช  ขณะที่ภาคตะวันตกมีโรงไฟฟ้าราชบุรี และภาคตะวันออก มีโรงไฟฟ้าของภาคเอกชนจำนวนมาก 

ส่วนกรุงเทพมหานคร ถูกดีไซน์มาให้เกิดความมั่นคง ซึ่งมีทั้งโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โรงไฟฟ้าพระนครใต้  และโรงไฟฟ้าวังน้อย

อย่างไรก็ตามตอนนี้หลายฝ่ายเริ่มมองเห็นภาพเดียวกันคือ ความสำคัญของการจัดหาแหล่งพลังงานของตัวเองเพื่อรองรับความต้องการใช้ในประเทศ เพราะหากไม่ผลิตเองก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ใช้เงินจำนวนมหาศาลโดยเฉพาะในเวลาที่เกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ จนไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งราคาน้ำมันและราคาเชื้อเพลิงอื่นต่างปรับเพิ่มขึ้นมาก  ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจไทย