EGCO Group ชูเทคโนโลยีใหม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟฟ้า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเป็นโรงไฟฟ้าทดแทน SPP เดิมที่สิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้า มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าให้กฟผ.ตั้งแต่ 28 ม.ค. ที่ผ่านมา
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย ซึ่ง EGCO ถือหุ้น 80% และ J-Power Holdings (Thailand) Co., Ltd. ถือหุ้น 20% ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันทีหลังจากเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ โรงไฟฟ้าแห่งใหม่นี้ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่สามารถลดปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติต่อหน่วยลง 15% จากที่ใช้ในโรงไฟฟ้าเดิม ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการดำเนินงานและการเติบโตของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าของประเทศ
ทั้งนี้โรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย สร้างขึ้นเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม มีกำลังผลิตสุทธิ 74 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าประเภท Cogeneration ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมระยอง ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กทดแทน (SPP Replacement) จำนวน 28 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี และจำหน่ายไฟฟ้าส่วนที่เหลือและไอน้ำจากกระบวนการผลิตให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมระยองและพื้นที่ใกล้เคียง
“ความสำเร็จในการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ของ EGCO Group ที่มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย ภายใต้ทิศทางการดำเนินธุรกิจ “Cleaner, Smarter, and Stronger to Drive Sustainable Growth” รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศ”
อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกำลังผลิตจากโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย จ.ระยอง แล้ว ทำให้ ณ วันที่ 29 มกราคม 2567 EGCO Group มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,996 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,440 เมกะวัตต์ (คิดเป็นสัดส่วน 21% ของกำลังผลิตทั้งหมด) ทั้งจากชีวมวล พลังน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลมทั้งบนบกและในทะเล เซลล์เชื้อเพลิง และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าและโครงการต่าง ๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “TPN” โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม “EGCO Rayong” บริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน “Peer Power” บริษัทด้านการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม “Innopower” EGCO Group ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Dow Jones Sustainability Index (DJSI) มา 4 ปีต่อเนื่อง และตั้งเป้าหมายบรรลุ Net Zero ภายในปี 2050