พลังงานชี้ราคากลุ่มเบนซินไม่ขึ้นแบบก้าวกระโดด เตรียมใช้กองทุนน้ำมันฯอุดหนุนต่อราคา เตือนประชาชนอย่ากังวลไม่ต้องรีบแห่เติมน้ำมัน
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า มาตรการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลุ่มเบนซิน ทุกประเภทจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ม.ค. 2567ทางกระทรวงพลังงาน ได้จัดประชุมผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 และขอความร่วมมือให้สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศเตรียมความพร้อมสำรองน้ำมัน พร้อมกับใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปอุดหนุนราคาขายปลีกเพื่อไม่ให้ราคาปรับขึ้นจนส่งผลกระทบกับประชาชน
ทั้งนี้ขอให้ประชาชนเติมน้ำมันตามปกติ ไม่ต้องกังวลว่าราคาน้ำมันจะขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะหากเติมน้ำมันพร้อมกันในวันเดียวกัน อาจทำให้ปริมาณการเติมน้ำมันสูงขึ้นผิดปกติจนเกินกว่าปริมาณน้ำมันที่สถานีบริการเตรียมไว้ อาจเกิดความไม่สะดวกกับผู้ใช้บริการ
“หลังหมดมาตรการภาษีสรรพสามิตของกลุ่มเบนซินในวัน 31 ม.ค.ทางกระทรวงพลังงานจะใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาสนับสนุนแทน โดยจะไม่ให้ส่งผลกระทบ ขอให้ประชาชนเติมน้ำมันตามปกติ”
อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันอาจจะขึ้นหรือลงตามกลไกตลาด นอกจากนี้กระทรวงพลังงานได้มีการประชุมผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 เพื่อย้ำให้สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ จัดเตรียมปริมาณน้ำมันให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และขอให้ประชาชนอย่ากังวล หรือไปเติมน้ำมันพร้อมกันในวันที่ 31 มกราคม 2567 เพราะอาจทำให้ปริมาณความต้องการสูงกว่าปกติ
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ออกมาตรการปรับลดราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันเบนซินเพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชน โดยใช้กลไกการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 1 บาทต่อลิตร จากกระทรวงการคลัง และการใช้เงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อุดหนุนเพื่อทำให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลงสูงสุด2.50 บาทต่อลิตร ได้แก่ แก๊สโซฮอล์ 91 ลดลง 2.50 บาทต่อลิตรนเบนซิน 95 และ แก๊สโซฮอล์ 95 ลดลง 1 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ E20 และE85 ลดลง 80 สตางค์ต่อลิตร
ทั้งนี้ภายหลังสิ้นสุดมาตรการลดภาษีน้ำมันในวันที่ 31 ม.ค.2567 กระทรวงพลังงานจำเป็นต้องบริหารโครงสร้างราคาขายปลีกโดยใช้เงินกองทุนน้ำมันฯเข้าไปอุดหนุน เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมันไม่ให้กระทบกับประชาชนมากเกินไป ขณะเดียวกันก็ต้องปรับราคาให้สอดคล้องกับราคาตลาดโลกด้วย
ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯมีฐานะติดลบอยู่ 8.43 หมื่นล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมัน 3.78 หมื่นล้านบาท และบัญชีLPG 4.64 หมื่นล้านบาท