‘หัวหิน-ภูเก็ต’ ทำเลระดับโลก 3 ยักษ์ธุรกิจร่วมลงทุน ทำแบรนเดด ‘เดอะสแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์’ 8.5 พันล.  

‘หัวหิน-ภูเก็ต’ ทำเลระดับโลก 3 ยักษ์ธุรกิจร่วมลงทุน ทำแบรนเดด ‘เดอะสแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์’ 8.5 พันล.  
สแตนดาร์ดฯ เชนโรงแรมระดับโลก มองเห็นศักยภาพท่องเที่ยวไทยใน 2 ทำเล ‘หัวหิน-ภูเก็ต’ ร่วมยักษ์ธุรกิจไทย ‘แสนสิริ’ และ ‘ซีจี แคปปิตอล’ เปิดโครงการBranded ‘THE STANDARD RESIDENCES’ หรูมูลค่ารวม 8.5 พันล.

อมาร์ ลัลวานี (Amar Lalvani ) ประธานกรรมการบริหาร สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชันแนล (Standard International) แบรนด์ธุรกิจโรงแรมไลฟ์สไตล์ระดับโลก กล่าวว่าบริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจโรงแรมที่พักอาศัยในประเทศไทย ด้วยมองเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็วหลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา

ล่าสุดร่วมกับ 2 พันธมิตรธุรกิจในไทย บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ และ บริษัท ซีจี แคปิตอล จำกัด ผู้บริหารการลงทุนจากตระกูลจิราธิวัฒน์ในรูปแบบกองทุนไพรเวท อิควิตี ในธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาและเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยในรูปแบบแบรนเดด (Branded Residences) ใน 2 เมืองท่องเทียวระดับโลกในประเทศไทย ตามลำดับ คือ

  1. เดอะแสตนดาร์ดเรสซิเดนซ์หัวหิน (The Standard Residences,Hus Hin) โครงการแบรนเดด เรสซิเดนซ์ แห่งแรกในเอเชีย บนทำเลหน้าชายหาดหัวหิน จังหวัดประจวบคิรีขันธ์
  2. เดอะสแตนดาร์ดเรสซิเดนซ์ภูเก็ตบางเทา (The Standard Residences, Phuket Bang Tao) บนทำเลที่ดินย่านบางเทา จังหวัดภูเก็ต

โดยทั้ง2 โครงการฯ รองรับความต้องการอยู่อาศัยลูกค้าท้องถิ่นในไทยและชาวต่างชาติ ใน 2 เมืองจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในไทย ที่จะมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องในอนาคต จากในปี 2566 ที่ผ่านมา มีนักท่องเทียวต่างชาติมาไทยราว 28 ล้านคนและมีแนวโน้มจะสูงเท่ากับช่วงก่อนโควิด โดยในปี 2567 คาดนักท่องเที่ยวจะขยายตัวแตะ 35 ล้านคน เป็นโอกาสดีสำหรับกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์การท่องเที่ยว

สำหรับ ความร่วมมือระหว่างสแตนดาร์ดฯ และ 2 กลุ่มธุรกิจในไทย ยังจะนำไปสู่สู่การเป็นแบรนด์ในตลาดอสังหาฯที่อยู่อาศัยและโรงแรมระดับโลกร่วมกันอีกด้วย จากทำเลภูเก็ตและหัวหินซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยและต่างชาติ เทียบชั้นเมืองตากอากาศระดับโลก มีกลุ่มท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงอยู่ รวมถึงราคาที่ดินในไทยยังไม่สูงเท่าเมืองตากอากาศอื่น ๆ

“บริษัทฯ สนใจทำแบรนเดด เรสซิเดนซ์ ใน 2 ทำเลเมืองท่องเที่ยวนี้ในไทย จากก่อนหน้านี้ได้เข้าไปทำใน 2 โครงการเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ในไมอามี ราคาเฉลี่ย 450,000 บาท/ตร.ม. มียอดขาย 85% เตรียมเปิดไตรมาส 3 ปี 2568 ลิสบอน ราคาเฉลี่ย 350,000 บาท/ตร.ม. ทำยอดขาย 91% เปิดไตรมาส 3 ปี 2567” อมาร์ กล่าว

ปัจจุบัน สแตนดาร์ดฯ มีโรงแรม 3 แบรนด์หลัก คือ 1. The Standard โรงแรมแนวคิดสร้างสรรค์ประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้เข้าพัก 2. Bunkhouse แบรนด์เจาะกลุ่มตลาดท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และ 3. The Peri Hotel โรงแรมบูทีคไลฟ์สไตล์เหมาะกับคนรุ่นใหม่ ในทำเลเมืองท่องเที่ยวหลักทั่วโลก

โดยตลาด Branded Residences ทั่วโลกมีแนวโน้มขยายตัว 216% กระจายในหลายทำเล แบ่งเป็น

  • โซนในเมือง อาทิ สิงคโปร์ บาหลี กรุงเทพ สัดส่วน 42%
  • โซนบ้านพักตากอากาศ อาทิ ดานัง ฮอยอัน ปูซาน สัดส่วน 58%

ทำเล ‘หัวหิน’ ทำราคา 8.9-100 ล.บาท

อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ พัฒนาโครงการเดอะแสตนดาร์ดเรสซิเดนซ์หัวหิน มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 9 ไร่ ทำเลใจกลางเมืองหัวหินติดชายหาด (Beachfront) ที่หายากในปัจจุบัน ด้วยจำนวน 245 ยูนิต ในรูปแบบฟรีโฮลล์ ประกอบด้วย

  • คอนโดมีเนียม ขนาด 40-153 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 8.9 ล้านบาท
  • พูล วิลลา จำนวน 2 หลัง ขนาด 220 ตร.ม. ราคา 100 ล้านบาท

โดยโครงการฯ รองรับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าไทย สัดส่วน 70% ที่มองหาบ้านหลังที่สอง และอีก 30% เป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ทั้งประเทศรัสเซียและจีน ที่พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมายังหัวหิน เป็นจำนวนมากขึ้น และพร้อมเปิดให้ชมห้องตัวอย่าง เดือนมีนาคม 2567 และเปิดพรีเซล เดือนพฤษภาคม 2567 และพร้อมเข้าอยู่ในไตรมาส 2 ปี 2569 พร้อมวางเป้ายอดขายก่อนเปิดโครงการฯ 60%

ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ มีประสบการณ์ในการทำตลาดอสังหาฯในเมืองหัวหินนานร่วม 35 ปี ด้วยมองเห็นทำเลศักยภาพเมืองท่องเที่ยวหัวหิน ได้พัฒนาโครงการในพื้นที่รวม 25 โครงการ มูลค่า 31,000 ล้านบาท ปิดการขายไปแล้ว 22 โครงการ มีโครงการแฟล็กชิปแห่งแรก ‘บ้านไข่มุก’ ที่ปัจจุบันราคาแคปิคตอล เกน (Capital Gain) แตะ 1,000% และมีราคารีเซล ในปัจจุบันอยู่ที่ 80 ล้านบาท จากราคาเปิดตัวขายครั้งแรกว่า 7 ล้านบาท

‘บางเทา’ ทำเลดาวรุ่งภูเก็ต

ด้าน ภูมิ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีจี แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบมิกซ์ยูสโซนบนทำเลบางเทา จังหวัดภูเก็ต The Standard Residences, Phuket Bang Tao มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท มีพื้นที่ทั้งหมด 19 ไร่ แบ่งเป็น 3 โครงการหลัก ประกอบด้วย

  1. The Standard Residences, Phuket Bang Tao มีขนาด 12 ไร่ จำนวน 188 ยูนิต ห้องขนาด 75-313 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 19 ล้านบาท

โดยเป็นห้องตกแต่งพร้อมเฟอร์นิเจอร์เริ่มตั้งแต่ 1 ห้องนอนขนาด 75 ตารางเมตร, 2 ห้องนอน ขนาด 100-120 ตารางเมตร, 3 ห้องนอนขนาด167-172 ตารางเมตร และห้องดูเพล็กซ์ ขนาด 301–313 ตารางเมตร

  1. โรงแรมเดอะ เภรี โฮเต็ล ภูเก็ต บางเทา (The Peri Hotel Phuket Bang Tao)
  2. ร้านอาหารและเครื่องดื่ม (F&B)  แนวคิด ใหม่ล่าสุดจากThe Standard อยู่ในพื้นที่เดียวกันอีก 7 ไร่

ทั้งนี้ The Standard Residences, Phuket Bang Tao เตรียมเปิดพรีเซล เดือนมีนาคม และ เซลส์ แกเลอรี ครั้งแรกในเดือนเมษายนปี 2567 และพร้อมเข้าอยู่ช่วงไตรมาส 4 ของปี 2569

“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังโควิด ราวปี 2565-2566 คอนโดมิเนียมทำเลภูเก็ต มีอัตราเติบโต 113% โดยคอนโดรูปแบบฟูลลี เฟอร์นิเจอร์ ยังมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 6.8-8.3% ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ฯต่างหันมาให้ความสนใจทำโครงการบนทำเลภูเก็ตเพื่อรองรับความต้องการอยู่อาศัยและพักผ่อนของทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ถูกวางให้เป็นปลายทางแห่งการท่องเที่ยวและทำงานของผู้บริหารระดับโลกในปีที่ผ่านมาด้วย” ภูมิ กล่าว

TAGS: #สแตนดาร์ด #อินเตอร์เนชันแนล #แสนสิริ #CG #Capital