“สนั่น”ต้อนรับนายกฯกัมพูชาร่วมงาน Cambodia-Thailand Business Forum 2024 เดินหน้าขยายโอกาสการค้าระหว่างสองประเทศ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับหอการค้ากัมพูชา (Cambodia Chamber of Commerce) จัดงานสัมมนา “Cambodia-Thailand Business Forum 2024” เนื่องในโอกาสการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จมหาบวร ธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งให้เกียรติเป็นประธานพร้อมกล่าวเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ โดยภายในงานมีการเสวนาในหัวข้อ “Strengthen Trade and Investment Cooperation between Thailand and Cambodia” จากผู้แทนภาคเอกชนไทยพร้อมด้วยผู้แทนจากภาคเอกชนกัมพูชาร่วมบรรยายให้ข้อมูลและความรู้ในหัวข้อดังกล่าว เพื่อขับเคลื่อนและส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยและกัมพูชา
ทั้งนี้สภาหอการค้าฯรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในการจัดงาน Business Forum ในวันนี้ โดยเฉพาะได้รับเกียรติจากสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา มาร่วมงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษให้กับภาคเอกชนไทยและกัมพูชา โดยมีใจความสำคัญในเรื่องการสร้างความร่วมมือทางกาค้าและการลงทุนระหว่างนักธุรกิจทั้งสองประเทศ การสัมมนาในวันนี้เป็นภาพสะท้อนความสัมพันธ์และความร่วมมืออันใกล้ชิดทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและกัมพูชา เพราะในงานนี้เต็มไปด้วยนักธุรกิจทั้งชาวไทยและกัมพูชามารวมตัวกัน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างกัน
นอกจากนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานที่จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ในระดับประชาชนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจอันเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายในการเพิ่มปริมาณการค้าให้บรรลุเป้าหมาย 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2028
รวมไปถึงการพัฒนาการขนส่งสินค้าของทั้งสองประเทศ การผลักดันการท่องเที่ยวและการเดินทางข้ามแดน ความร่วมมือทางด้านแรงงาน ความมั่นคงทางพลังงาน ตลอดจน ความสัมพันธ์ระดับประชาชนและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและวิชาการระหว่างไทย-กัมพูชา และแน่นอนว่าเพื่อความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน โดยการตั้งเป้าความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในประเทศ และเป็นการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชนซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ
ปัจจุบันกัมพูชามีข้อตกลงและกฏระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงการค้าทวิภาคี พหุภาคี และการได้รับอัตราภาษีพิเศษสำหรับการนำเข้าไปยังตลาดสำคัญหลายแห่งในโลก ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของกัมพูชาในปี 2567 สูงกว่าปี 2566 แน่นอน จึงมองว่าไทยยังมีโอกาสอีกมากจากนโยบายที่เปิดกว้างของรัฐบาลกัมพูชา
ตลอดจนการสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน พร้อมกับช่องทางตลาดส่งออกในหลายประเทศที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขสิทธิพิเศษทางภาษี ทำให้กัมพูชาดึงดูดการลงทุนและส่งออกที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้ากัมพูชา ในช่วงเช้าของวันนี้ (7ก.พ.)ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยบันทึกความเข้าใจฉบับนี้มีขึ้นเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางเศรษฐกิจ สนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมนักธุรกิจไทยและกัมพูชาร่วมกัน
ขณะเดียวกันเพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและกัมพูชาในสาขาธุรกิจที่มีศักยภาพ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก ความร่วมมือทางการเกษตร เศรษฐกิจดิจิทัล การท่องเที่ยว และความร่วมมือทางการแพทย์ ซึ่งการลงนามความร่วมมือฉบับนี้ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยและกัมพูชาให้เจริญรุ่งเรืองร่วมกันต่อไป
ทั้งนี้จากข้อมูลของสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ระบุว่า ในปี 2566 CDC ได้อนุมัติโครงการใหม่ 247 โครงการ และมีโครงการขยายการผลิต 21 โครงการ โดย 71 โครงการลงทุนอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยมีเงินลงทุนทั้งหมดเกือบ 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และสร้างงานมากกว่า 3 แสนตำแหน่ง
สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา กล่าวตอนหนึ่งในปาฐกถาพิเศษให้กับภาคเอกชนไทยและกัมพูชาว่่า การสร้างความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญมาก กัมพูชามุ่งเน้นที่จะสานต่อความร่วมมือกับไทยในประเด็นด้านการท่องเที่ยว ภายใต้แนวคิด “Two Kingdoms One Destination” รวมถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งกัมพูชาได้มีการพัฒนา ‘KHQR’ ระบบการชำระเงินภายในประเทศกัมพูชา เพื่อเชื่อมโยงการชำระเงินข้ามพรมแดนภายในกลุ่มอาเซียน
ขณะเดียวกันยังได้เน้นย้ำถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงทางการค้า รวมถึง การอำนวยความสะดวกบริเวณด่านชายแดน โดยได้เชิญชวนนักลงทุนไทยให้เข้าไปลงทุนในกัมพูชา ซึ่งกัมพูชามีจุดแข็ง 5 ด้านคือ1.การเมืองและเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ 2. เศรษฐกิจที่เปิดกว้างจากการที่กัมพูชามีความตกลงกับนานาประเทศทั้งทวิภาคีและพหุภาคี3.มีแรงงานที่มีความรู้ด้านอาชีวะศึกษาและเทคนิค4.การโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถอำนวยความสะดวกในการลงทุน 5. รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการลดกระบวนการที่ซ้ำซ้อนทางกฎและระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจไทย