ปันโปร ร่วม SEA Bridge ขยายโอกาสทางธุรกิจ สร้างเครือข่ายพันธมิตรสินค้าและธุรกิจไทย ไปเติบโตในเวียดนาม ผ่านแพลตฟร์อมออนไลน์ ‘เหงียนไทย’ รับโอกาสเพื่อนบ้านเครซีมากสินค้าบริการจากไทย

กฤษฎา ตั้งกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ปันโปร แพลตฟอร์มโปรโมชันและไลฟ์สไตล์ออนไลน์ ที่มีผู้ติดตามในเครือรวมกว่า 15 ล้าน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ร่วมกับ SEA Bridge สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อ Nghiện Thái (เหงียนไทย) หมายถึง เสพติดประเทศไทย หรือหลงรักความเป็นไทย เป็นภาษาเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมีชาวเวียดนามมากกว่า 100,000 ผู้ติดตาม โดยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ วัฒนธรรม สินค้า บริการของไทย รวมถึงการท่องเที่ยวต่าง ๆ เพื่อเป็นช่องทางในการผลักดันให้สินค้าไทยได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

สำหรับการพัฒนาแพลตฟอร์มดังกล่าว ส่วนหนึ่งมาจากการต่อยอดจุดแช็งของปันโปรตลอดช่วงที่ผ่านมา ด้วยการนำข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคมาวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาและวางกลยุทธ์การสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เข้าถึงผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันปันโปรมีแบรนด์ในเครือกว่า 10 แบรนด์ และผู้ติดตามรวมกันทุกแบรนด์กว่า 15 ล้านผู้ติดตาม

“ในช่วงเริ่มต้น  บริษัทฯ นำเสนอเรื่องราวของความคุ้มค่าในด้านการซื้อสินค้าและโปรโมชั่น รวมถึงการนำข้อมูลที่เข้าใจยากมาปรับเป็นการสื่อสารที่เข้าใจง่าย และช่วยให้ผู้คนสามารถตัดสินใจเลือกสินค้าและบริการที่คุ้มค่าต่อตัวเองที่สุด ซึ่งนอกจากการส่งมอบคุณค่าต่าง ๆ ให้ผู้คนแล้ว แล้วเรายังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศด้วย” กฤษฎา กล่าว  

พร้อมเสริมว่า บริษัทวางเป้าหมายสำคัญ เพื่อผลักดัน success case ให้เกิดขึ้นในการช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเปิดตลาดที่เวียดนามได้ พร้อมตั้งเป้าการเติบโตในปี 2567 ของ Nghien Thai ไว้ที่ 1 ล้านผู้ติดตาม เพื่อให้เป็นพื้นที่ให้ผู้ประกอบการไทยสามารถประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการให้เข้าถึงคนเวียดนามได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเบื้องต้นวางเป้าหมายรองเป็นด้านรายได้ ด้วยจุดมุ่งหมายหลักคือการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ผ่านสิ่งที่บริษัทฯ ช่วยวางรากฐานไว้ให้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับธุรกิจไทย

นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนขยายแพลตฟอร์มออนไลน์ไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น อินโดนีเซีย จีน เกาหลี และซาอุดิอาระเบีย ในอนาคตด้วย

ด้าน แคสเปอร์ เสริมสุขสัน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SEA Bridge กล่าวเสริมว่า SEA Bridge เป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจและนวัตกรรมให้ผู้ประกอบการไทยในต่างประเทศ ผ่านการสร้างโอกาส วิเคราะห์ตลาด เพื่อที่จะต่อยอดธุรกิจไทยในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โดยปัจจัยที่เลือกขยายธุรกิจไปยังตลาดเวียดนาม ด้วยมองเห็นโอกาสจำนวนประชากรเวียดนามมีกว่า 100 ล้านคน แนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคเวียดนาม ประกอบกับอัตราการบริโภคและการขยายของสังคมที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการบริโภคสินค้ามากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม และอุปโภคบริโภค

“แต่สิ่งที่น่าสนใจคือตัวเลขด้านการท่องเที่ยวจากคนเวียดนามที่เดินทางไปต่างประเทศ พบว่าประเทศไทยถือเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ เรามองว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสนำสินค้าและบริการเข้าไปแข่งขันในตลาดเวียดนามได้” แคสเปอร์ กล่าว

พร้อมขยายเครือข่ายพันธมิตรที่เวียดนาม โดยร่วมลงนามความร่วมมือด้านการตลาดกับ Coc Coc Company Limited (Cốc Cốc) ผู้ให้บริการ Search Engine รายใหญ่ของเวียดนาม มีผู้ใช้บริการกว่า 30 ล้านคน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจไทยมีช่องทางประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการที่ประเทศเวียดนามมากขึ้น

จากความสำเร็จของการส่งมอบความคุ้มค่าสู่ผู้คนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ผสานกับการวางแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและเครือข่ายที่แข็งแกร่ง นำไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่ตลาดต่างประเทศ