BAFS ขอรัฐทบทวนลดภาษีน้ำมันต่อ ช่วยบรรเทาต้นทุนอุตสาหกรรมการบินหลังกระทบทำเที่ยวบินลด 2.9% ส่งผลราคาตั๋วแพงหวังเดินหน้าหนุนไทยสู่ “ฮับการบินโลก”
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ “บาฟส์” (BAFS) เปิดเผยว่า การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเครื่องบินไอพ่นที่นำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำอากาศยานภายในประเทศ ในอัตรา 4.726 บาทต่อลิตร จากก่อนหน้านี้ที่เคยมีนโยบายปรับลดเหลืออัตรา 0.20 บาทต่อลิตร เป็นปัจจัยที่กระทบต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินภายในประเทศ โดยจากข้อมูลล่าสุด จำนวนเที่ยวบินภายในประเทศลดลงถึง 2.9% ภายหลังมาตรการปรับภาษีน้ำมันเครื่องบินเมื่อปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ส่งผลกระทบต่อราคาตั๋วเครื่องบินในประเทศ และเป็นอุปสรรคในภาพรวมของทั้งอุตสาหกรรมการบินในประเทศ และภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะเมืองรอง ที่ไม่สามารถเติบโตได้มากเท่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งขัดแย้งกับนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่กำลังเดินหน้าขับเคลื่อนให้ไทยเป็น ศูนย์กลางการบินระดับโลก (Aviation Hub) ในระยะยาว
ทั้งนี้บาฟส์ ในฐานะผู้ให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบครบวงจรตามมาตรฐานสากล มีความยินดีที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับอุตสาหกรรมการบินของไทย พร้อมผลักดันแผนการพัฒนาศักยภาพของประเทศไทยทุกมิติสู่การเป็น ศูนย์กลางการบินของภูมิภาค (Aviation Hub) พร้อมตั้งเป้าหมายพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ติด 1 ใน 20 ของโลก
สำหรับบทบาทหลักของบาฟส์ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา คือ การส่งเสริมให้ตลาดการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานเป็นไปอย่างเสรี เพื่อให้สายการบินต่าง ๆ ที่ใช้บริการในท่าอากาศยานหลักของไทย สามารถเลือกซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากผู้ค้าน้ำมันที่มีคุณภาพและได้รับการยอมรับ ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิงของสายการบินลดลง และได้รับบริการที่มีความปลอดภัยมากขึ้น จึงมั่นใจว่า จะสามารถตอบรับแผนการพัฒนาท่าอากาศยานในอนาคต เพื่อยกระดับให้ท่าอากาศยานของไทยเป็นที่ยอมรับในระดับโลก และทำให้ประvpเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคต่อไปในอนาคต
ทางบาฟส์ เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินที่สำคัญของโลก ตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล และเชื่อมั่นในการสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการบิน ด้วยการส่งเสริมการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน SAF (Sustainable Aviation Fuel) ในประเทศ โดย บาฟส์ ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องนี้มาโดยตลอด ร่วมกับพันธมิตรสำคัญ คือ กลุ่มบางจาก และมิตรผล รวมถึง เตรียมความพร้อมด้านการให้บริการ และตรวจสอบคุณภาพ เพื่อให้มั่นใจ ได้ว่า SAF ที่ บาฟส์ ให้บริการจะมีคvpjk'วามปลอดภัยตามมาตรฐานสากล พร้อมให้บริการแก่สายการบินต่าง ๆ นำพาภาคอุตสาหกรรมการบินรุดหน้าสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ตามในช่วง 2 ปีก่อน รัฐบาลมีนโยบายปรับลดภาษีสรรพสามิตสำหรับอากาศยานในประเทศเหลือ 0.20 บาทต่อลิตร และมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลงไปเมื่อเดือนก.ค. 2566 ซึ่งครั้งนี้เพื่อต้องการบรรเทาภาระต้นทุนให้แก่สายการบินในช่วงที่เผชิญล็อกดาวน์จากสถานการณ์โควิดและเพื่อเปิดโอกาสให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวได้ แต่ภายหลังเมื่อสถานการณ์ต่างๆดีขึ้นทางกรมสรรพสามิตเห็นควรให้กลับมาใช้อัตราภาษีเดิม