ยำยำ มองตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 หมื่นล. ปีนี้โตต่อเนื่องจากเงินเฟ้อ

ยำยำ มองตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2 หมื่นล. ปีนี้โตต่อเนื่องจากเงินเฟ้อ
ยำยำ เดินกลยุทธ์แตกเซ็กเมนต์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เจาะลูกค้าแต่ละเจนฯ วางเป้ายอดขายปี66 โตก้าวกระโดด 22%

ยูจิ มิซุตะ  กรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ ยำยำ เปิดเผยว่า ในปี2566 บริษัทวางแนวทางการทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไทย ด้วยกลยุทธ์ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมียมทั้งแบบซองและแบบถ้วยเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดโดยรวม ส่วนการทำตลาดสินค้าในต่างประเทศ ทั้งในยุโรปและจีนจะขับเคลื่อนตลาดโดยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เช่นกัน

นอกจากนี้จะยังลงทุนเพิ่มในส่วยของโรงงาน เพื่อพัฒนาการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีแผนพิจารณาการลงทุนขนาดใหญ่ในระยะกลางอีก 2-3 ปี ข้างหน้า

ขณะทีภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตั้งแต่เดือนม.ค.-ธ.ค.2565 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เติบโต +14% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเส้นเหลือง ครองสัดส่วนราว 94% ของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งหมด และมีอัตราเติบโตต่อเนื่องในเชิงมูลค่า

โดยสาเหตุหลักเป็นผลมาจากการปรับราคาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองจากเดิมปกติ 6 บาท เป็น 7 บาท ตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีที่ผ่านมา  

ขณะที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในกลุ่มแมสยังทำยอดขายได้ดี จากราคาที่ตอบโจทย์ในภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลุ่มพรีเมียมเติบโตจากเทรนด์การบริโภคของกลุ่มคนรุ่นใหม่และรสชาติที่หลากหลาย

ปัจจุบัน ยำยำ มีส่วนแบ่งตลาด 21.4% ในเชิงปริมาณ และเป็นอันดับ 2 ในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบเส้นเหลืองในปี 2565

ยูจิ  กล่าวว่าสถานการณ์ตลาดบะหมี่ฯ ยังมีการแข่งขันสูง โดยทุกแบรนด์พยายามเข้าไปชิงส่วนแบ่งตลาดในกลุ่ม(เซ็กเมนต์)พรีเมียม ด้วยการเปิดตัวรสชาติที่หลากหลาย ด้วยรสชาติใหม่ และสร้าง ‘Brand Collabs’ การทำตลาดแบรนด์สินค้าร่วมกัน  สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดปีนี้จะให้ความสำคัญกับกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมทั้งแบบซองและแบบถ้วยและหันมาให้ความสำคัญกับเทรนด์สุขภาพมากขึ้น 

ขณะที่ปัจจัยบวกในปีนี้ คือ ความต้องการบะหมี่กึ่งสําเร็จรูปที่เพิ่มขึ้น จากราคาที่สมเหตุสมผลต่อค่าครองชีพ สะดวกต่อการบริโภค ส่วนปัจจัยลบ คือ ผลกระทบจากต้นทุนพลังงาน แรงงาน วัตถุดิบสำคัญอย่างแป้งสาลี น้ำมันปาล์ม และส่วนผสมสำคัญในเครื่องปรุงรสมีราคาสูงขึ้น ทำให้กําไรของธุรกิจและห่วงโซ่อุปทานมีความผันผวน

ด้าน ชินานันท์  บุญศิริยะ  ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจในและต่างประเทศ  กล่าวว่าบริษัทวางกลยุทธ์การการทำตลาดแบบครบวงจรผลิตภัณฑ์ยำยำในปี 2566 เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยที่เปลี่ยนไปโดยมองหาสินค้าที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย คุ้มค่า และใส่ใจผู้บริโภค

ขณะที่ ยำยำ มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองและครอบคลุมทุกเจเนอเรชั่น ตั้งแต่ ยำยำ ช้างน้อย ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายเด็กอายุ 6-12 ปี, ยำยำ คัพ  และ ยำยำ สูตรเด็ด แบบซองและแบบถ้วย  ตอบสนองกลุ่มคนรุ่นใหม่กลุ่ม Generation Z ,ยำยำ จัมโบ้ ตอบสนองกลุ่มเป้าหมายทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่ 18- 55 ปี โดยผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายอันดับหนึ่งของแบรนด์ ยำยำ คือ ยำยำ จัมโบ้ รสหมูสับ,  รสต้มยำกุ้ง และ รสต้มยำกุ้งน้ำข้น ส่วนในกลุ่มพรีเมียม คือ ยำยำ สูตรเด็ด สไปซี่ล็อบสเตอร์

ล่าสุด ยำยำ เปิดตัว ยำยำ สูตรเด็ด โฉมใหม่ โดยนำข้อมูลเชิงลึกจากการวิจัยผู้บริโภคมาปรับปรุงและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่แบรนด์ ทั้งด้านบรรจุภัณฑ์และรสชาติใหม่ กลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลซอสครีมปู แบบแห้ง พร้อมออกแบบบรรจุภัณฑ์ เน้นการปรับโฉมโลโก้ ยำยำ สูตรเด็ด รูปแบบใหม่ ให้โดดเด่นมากขึ้น 

ทั้งนี้บริษัท ยังเตรียมใช้งบการตลาดราว 70 ล้านบาท จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายภายใต้แคมเปญ "Beyond Irresistible" พร้อมดึง โบกี้ไลอ้อน (Bowkylion) มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของ ยำยำ สูตรเด็ดเพื่อสื่อสารแบรนด์ผลิตภัณฑ์และรสชาติใหม่ไปยังกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในตลาดสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกล่มโลคัล พรีเมียม ที่มีมูลค่าราว 2,700 ล้านบาท และผลักดันให้ยำยำ มีอัตราการเติบโต 22 % ในกลุ่มนี้

ขณะที่ในปี 2566 ยำยำวางเป้าหมายยอดขายมีอัตราเติบโต +14% เทียบกับปี 2565

TAGS: #ยำยำ #บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป #โบกี้ไลอ้อน