‘สมาธิสั้น มาร์เก็ตติ้ง’ การตลาดดักซื้อแบบปุปปัป เทรนด์ธุรกิจใช้ AI วิเคราะห์นิสัยผู้บริโภคยุคใหม่

‘สมาธิสั้น มาร์เก็ตติ้ง’ การตลาดดักซื้อแบบปุปปัป เทรนด์ธุรกิจใช้ AI วิเคราะห์นิสัยผู้บริโภคยุคใหม่
‘เอ้ก ดิจิทัล’ ระบุเม็ดเงินที่ใช้ในอุตสาหกรรม MarTech ในไทย จะเติบโตเพิ่มขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมามีมูลค่ากว่า หมื่นล้านบาท ขณะที่ ดีป เทคฯ และเอไอ จะเป็นตัวแปรสำคัญในการดักกำลังซื้อคนรุ่นใหม่

ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร เอ้ก ดิจิทัล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ให้บริการสื่อโฆษณาครบวงจรและให้คำปรึกษาการตลาดดิจิทัลสัญชาติไทย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมมาร์เก็ตติง เทคโนโลยีในปี 2567 การลงทุนด้านการตลาดเทคโนโลยี (MarTech)  ในประเทศไทย คาดมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 20 % เทียบจากปี 2566 มีมูลค่าราว 1.14 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้ ธุรกิจองค์กรจะมีสัดส่วนงบ MarTech ต่องบการตลาดอยู่ที่ 46% จากปีก่อนมีสัดส่วนราว 10-30%

สำหรับกลุ่มเครื่องมือ MarTech ที่มีการใช้งานเติบโตมากขึ้นมี 4 รูปแบบ คือ 1. บริการ SMS สัดส่วน 15% จากปีก่อนอยู่ที่ 9%, 2.กลุ่ม CRM สัดส่วน16% จากปีก่อนอยู่ที่ 15%, 3.กลุ่มMarketing Automation สัดส่วน 21% ลดลงจากปีก่อนอยู่ที่ 23% และ 4.กลุ่ม Media advertising สัดส่วน 94% จากปีก่อนอยู่ที่ 67%

โดยการนำ Martech มาใช้ร่วมกับสินค้าบริการธุรกิจยังสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน ที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตแบบผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ไว้ด้วย และเป็นการเริ่มต้นสู่ยุคฟิจิทัล อีร่า (The Phygital Era Begins now) ประกอบด้วย 4 แนวโน้ม (Trend) หลักดังนี้

1.Convenient ความสะดวกสบายในด้านต่างๆ ทั้งในส่วนของการตัดสินใจที่เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที  (Micro-moments) ด้านสินค้า บริการ และการสื่อสาร ที่ตรงใจเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น (Hyper-Personalization) และ การทำทุกสิ่งที่เข้าถึงได้อย่างง่ายดาย สะดวกสบาย (Effortless access)

2.Autonomous ผู้บริโภคเป็นตัวเอง มีความซับซ้อน อิสระ ทางความคิว มีกลุ่มสังคม และความชอบที่แยกย่อย โดยจากความชอบที่หลากหลาย (Multi-Persona) การมองหาพื้นที่นอกเหนือจากบ้าน หรือที่ทำงาน เพื่อมาใช้ชีวิต ผ่อนคลาย สังสรรค์ และพบปะสังคม เกิดเป็นคอมมูนิตี้ (Third + Fourth place) และ ความชื่นชอบ ความสนใจที่แยกย่อยออกไป เกิดเป็นชุมชนใหม่ (Subculture)

3.Immersive ประสบการณ์ที่ผสานโลกจริงและโลกเสมือนจริง จนสร้างความรู้สึก แปลกใหม่ ตื่นเต้น เร้าใจ ที่เกินความเป็นจริง ประกอบด้วย การใช้ประสาทสัมผัสที่หลากหลายในการรับรู้ (Multisensory) สัมผัส รับรู้ ให้เกิดประสบการณ์จริง (Hands-on experience) และ ผสานโลกเสมือนจริงด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย หรือ XR (Extended reality)

“พฤติกรรมผู้คนในปัจจุบันจะตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงเสี้ยววินาที ปัจจัยหลักที่ทำให้การสื่อสารกับผู้ริโภคด้วยวิดีโอสั้น หรือ ชอร์ต คลิปวิดีโอบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและการใช้ อินฟลูเอ็นเซอร์ จะมีประสิทธิภาพกับผู้บริโภคกลุ่มนี้ เรียกว่าเป็นการทำตลาดแบบ สมาธิสั้น มาร์เก็ตติ้ง ในการดึงความสนใจลูกค้าเพื่อสร้างการตัดสินใจซื้อได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ทันที”  ดร.ธีรเดช กล่าว

ด้าน วรภัทร งามเจตวรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Analytics AI and Consultation บริษัทเอ้ก ดิจิทัล เสริมว่าจากแนวโน้มพฤติกรรมดังกล่าวจำเป็นต้องใช้ข้อมูล จัดเก็บมาวิเคราะห์บิ๊กดาต้า ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญในขณะนี้ และต่างมองหาตัวช่วยด้านเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep technology) อาทิ AI และบริการต่างๆ ที่สามารถหาผลลัพธ์และให้คำแนะนำได้แบบเฉพาะเจาะจง ลึก ง่าย และรวดเร็ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจทางธุรกิจเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน ที่มีพฤติกรรมตามแนวโน้มข้างต้นดังกล่าว

โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้นำพฤติกรรมเชิงลึกดังกล่าวมาวางแผนทำตลาดเชิงรุกจากการนำ AI พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญกลุ่มคนรุ่นใหม่ในด้าน นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล, วิศวกรข้อมูล, นักวิเคราะห์ข้อมูล และนักสร้างภาพจากข้อมูล  เพื่อให้บริการข้อมูล 720 องศา ผ่าน 3 แผนการดำเนินหลัก คือ

1.Advanced Analytics เพิ่มศักยภาพการวิเคราะห์บิ๊กดาต้าและการให้คำแนะกลุ่มค้าปลีกที่ลงลึกและรวดเร็วด้วย AI 2.Client-base Expansions ขยายฐานลูกค้าสู่ธุรกิจขนาดกลาง-เล็กด้วยการเพิ่มโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจแต่บะขนาดในราคาเข้าถึงได้ 3.Analytics as a Service เข้าใจโจทย์แต่ละธุรกิจเชิงลึก ร่วมกับ AI สำหรับธุรกิจนั้นๆ เป็นต้น

พร้อมกล่าวเสริมว่า ปัจจุบันองค์กรธุรกิจในไทยได้นำดีปเทคโนโลยีและเอไอมาใช้ร่วมวางแผนการทำธุรกิจ/การตลาดเป็นไปในทิศทางเดียวกับทั่วโลกสูงสุดใน 4-5 กลุ่มลำดับต้นๆ คือ สถาบันการเงินธนาคาร ค้าปลีก เฮลทธ์แคร์ และภาคการท่องเที่ยว

ทั้งนี้จากแผนธุรกิจดังกล่าว บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตธุรกิจในปีนี้คาดอยู่ที่ 15% ด้วยกลยุทธ์ ‘2024 Deep Tech Revolution: catalyzing growth with AI, Media and MarTech’  มาจาก 3 กลุ่มธุรกิจในสัดสัดส่วนเท่ากัน คือ กลุ่มธุรกิจ Analytics AI and Consultation กลุ่มธุรกิจ Media Convergence และ กลุ่ม MarTech Solution

โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 2,200 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 อยู่ที่ 32% จากปัจจุบัน มีกลุ่มลูกค้าให้บริการกว่า 400 แบรนด์      

TAGS: #เอ้ก #ดิจิทัล #MarTech #AI