หน้าร้อนปีนี้ยอดไฟพีคเกิดกลางคืนคาดทะลุ 35,000 เมกะวัตต์

หน้าร้อนปีนี้ยอดไฟพีคเกิดกลางคืนคาดทะลุ 35,000 เมกะวัตต์
สนพ.จับตาการใช้ไฟฟ้าสูงสุดฤดูร้อนเกิดกลางคืนมากกว่ากลางวัน คาดปีนี้ทะลุ 35,000 เมกะวัตต์ โต 10-15% กดสำรองไฟฟ้าต่ำกว่า 25% ด้านแผนพีดีพีฉบับใหม่ใกล้คลอดรอประชาพิจารณ์ต้นเม.ย.นี้

นายวีรพัฒน์  เกียรติเฟื่องฟู  ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการใช้ไฟฟ้าในช่วงฤดูร้อนปีนี้มีอัตราเติบโต  10-15% โดยคาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด(ไฟพีค) พุ่ง 35,000 เมกะวัตต์  เทียบกับไฟพีคปี2566 อยู่ที่ 34,827  เมกะวัตต์ 

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าไฟพีคปีนี้เกิดขึ้นเร็วและอยู่ในช่วงเวลากลางคืน มากกว่ากลางวัน อาจมีผลทำให้ปริมาณสำรองไฟฟ้าต่ำกว่า 25% จากปัจจุบันมีอยู่ 30% เนื่องจากที่ผ่านมาภาคประชาชนและอุตสาหกรรมมีการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์)ใช้เองกันมากขึ้น ในขณะที่กลางคืนเมื่อใช้โซลาร์เซลล์ไม่ได้ ทุกส่วนจะมาใช้ไฟฟ้าจากระบบจำหน่ายโดยตรงทำให้มีการใช้ไฟฟ้าสูงกว่ากลางวัน

ดังนั้น สนพ.คาดว่าในอีก 1-2 ปีข้างหน้า จะต้องบริหารจัดการกับการผลิตไฟฟ้ารองรับพีคไฟฟ้าใหม่ โดยต้องพิจารณาว่าในช่วงกลางคืนจะมีพลังงานทดแทนชนิดใดที่พึ่งพาได้มาช่วยเสริมระบบ เช่น ไฟฟ้าจากพลังงานลม และไฟฟ้าส่วนเกิน เป็นต้น

สำหรับการจัดทำร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ (พีดีพี)ใกล้แล้วเสร็จ โดยจะสามารถจัดทำประชาพิจารณ์สำรวจความเห็นได้ในต้นเดือนเม.ย. นี้  ซึ่งในหลักการของการจัดทำพีดีพีมองใน 3 ประเด็น คือ ความมั่น  ราคาและการดูแลสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้กำหนดให้มีพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วน 50% ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม ไบโอแมส ไบโอแก๊ส  น้ำ รวมถึงพลังงานใหม่ อย่าง นิวเคลียร์ ซึ่งจะกำหนดไว้ในช่วงปลายแผนปี 2580  เป็นรูปแบบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular ReactorsX ขนาด70 เมกะวัตต์  ซึ่งขึ้นอยู่กับการรับฟังความเห็นที่จะเกิด มีโอกาสทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยก็ได้เป็นการเสนอไว้เป็นทางเลือก

นอกจากนี้ในส่วนของเชื้อเพลิงหลักยังคงเป็นก๊าซธรรมชาติ 30%  ส่วนไฮโดรเจน 5-20% ซึ่งถือเป็นพลังงานใหม่ที่ต้องเตรียมพร้อมในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานที่มารองรับโดยคาดว่าจะเข้ามาอยู่ในแผนปี 2035

นายวีรพัฒน์  กล่าวถึงภาพรวมการใช้พลังงานขั้นต้นปี 2566 เพิ่มขึ้น 0.8 เทียบกับปีก่อน อยู่ที่ระดับ 2,007 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าความต้องการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ขั้นต้นในปี 2567 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 อยู่ที่ระดับ 2,063 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากการเพิ่มขึ้นของการใช้พลังงานทุกประเภท สอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ

ด้านการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 การใช้น้ำมันก๊าซธรรมชาติคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 การใช้ถ่านหิน/ลิกไนต์จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 การใช้น้ำมันสำเร็จรูป ปี 2567 จะมีการใช้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3

ขณะที่ประมาณการความต้องการไฟฟ้าปี 2567 จะมีการใช้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 ตามสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าอุณหภูมิปี 2567 จะสูงขึ้นประมาณ 1.2 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับปีก่อน

 

TAGS: #สนพ. #ไฟพีค #สำรองไฟฟ้า #พีดีพี