อิมแพ็ค ปลุกบรรยากาศคึกรับงานมอเตอร์โชว์ 2024 จัดใหญ่2 อีเวนต์สายเครื่องดื่มและอาหาร ชวนคนรักการดื่มไวน์/คราฟต์เบียร์ พร้อม 50 ร้านดังเชลล์ชวนชิมเอาใจสายกิน/ดื่ม
พีรญา แวทเชอร์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาธุรกิจร้านอาหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่าในช่วงสัปดาห์สุดท้ายเดือนมีนาคม 2567 จะมีการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 งานแสดงยนตรกรรมครั้งใหญ่ประจำปี ณ อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งเป็นงานฯที่ได้การตอบรับดีจากผู้เข้ามาชมงานเป็นจำนวนมาก ในทุกครั้งของการจัดงานฯ
พร้อมกันนี้ อิมแพ็ค ได้จัดงาน Happy Hours : Wine Tasting & Craft Beer หรือ ชั่วโมงแห่งความสุขของคนรักการดื่มไวน์และคราฟต์เบียร์ ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรก ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2567 ณ ร้านอาหารบิสโตร เดอ แชมเปญ บริเวณชั้น 2 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อเป็นจุดนัดพบแห่งใหม่ของกลุ่มผู้ชื่นชอบการดื่มไวน์หลากหลายรสชาติ จากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ พร้อมเปิดโอกาสให้ได้ซื้อกลับในราคาพิเศษลดสูงสุด 50%
“งานไวน์เทสติ้งและคราฟต์เบียร์ จัดขึ้นในพื้นที่อาคารชาเลนเจอร์ซึ่งเป็นที่เดียวกับงานมอเตอร์โชว์ ถือโอกาสได้ร่วมต้อนรับแขกผู้ที่มาชมงานมอเตอร์โชว์ ซึ่งมีระยะเวลาจัดงานรวมกว่า 12 วัน ในแต่ละวันมีผู้เดินทางมาชมงานหลายหมื่นคน ทาง อิมแพ็ค ได้เตรียมบริการอาหารและเครื่องดื่ม จากร้านอาหารในเครือและร้านอาหารแบรนด์ชั้นนำ ทั้งอาหารไทย จีน ญี่ปุ่น ตะวันตก รวมไปถึงฟาสท์ฟู้ด ร้านอาหารแบรนด์ดัง ในศูนย์อาหารที่คอยให้บริการมากมาย และได้เพิ่มงานใหม่ Happy Hours : Wine Tasting & Craft Beer เข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของมุมพบปะสังสรรค์ด้วย” พีรญา กล่าว
โดยภายในงาน Happy Hours : Wine Tasting & Craft Beer แบ่งกิจกรรมออกเป็น 3 โซนหลักตลอด 12 วัน ได้แก่
- โซนแรก Wine Tasting ชิมไวน์ชั้นนำเข้า 30 ชนิดจากทั่วโลก พร้อมซอมเมอลิเยอร์ที่จะมาแนะนำไวน์และช่วยคัดสรรให้ลูกค้าได้ลิ้มลอง ตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม ในราคาเพียง 1,300 บาทต่อท่าน (net) และราคาพิเศษ 1,800 บาทต่อท่าน (net) รับไวน์มูลค่า 890 บาท จำนวน 1 ขวดไปด้วยทันที
ทั้งนี้ ได้แบ่งรอบเวลาให้บริการ Wine Tasting ทั้งหมด 3 รอบต่อวัน โดยรอบที่ 1 เวลา 16.00 – 18.00 น. รอบที่ 2 เวลา 18.30 – 20.30 น. และรอบที่ 3 เวลา 21.00 – 23.00 น.
ในทุกรอบจะจัดเสิร์ฟเมนูคานาเป้ (Canapé) อาหารสไตล์ฟิวชัน ซึ่งมีให้เลือกกว่า 36 เมนู ตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม สามารถเพลิดเพลินกับเมนูความอร่อย อาทิ เมลอนและพาร์ม่าแฮม, เป็ดรมควันและเห็ดครอสตินี่, มินิพิซซ่าโปรชุตโต้, ลูกชิ้นหมูรสเผ็ดและเปรี้ยว, เป็ดรมควันกับซอสฮอยซินและสลัดผักชี, มินิเบอร์เกอร์เนื้อ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับ Wine Tasting Ticket (จำนวนจำกัด) ราคาบัตร 1,300 บาท (Net) เมื่อจอง 1 โต๊ะ (4 ที่นั่ง) จ่ายเพียง 5,000 บาท (จากปกติ 5,200 บาท) และราคาบัตร 1,800 บาท (Net) เมื่อจอง 1 โต๊ะ (4 ที่นั่ง) จ่ายในราคา 6,900 บาท (จากปกติ 7,200 บาท) พร้อมรับไวน์มูลค่า 890 บาท ท่านละ 1 ขวด สำหรับลูกค้าองค์กรหรือมาเป็นกลุ่ม คณะ จองที่นั่ง 10 ท่านขึ้นไป ได้สิทธิ์เข้าฟรีอีก 1 ท่านทันที
- โซนที่ 2 Wine Shop นำเสนอสินค้าไวน์หลากหลายแบรนด์นำเข้าจากต่างประเทศ รวมมากกว่า 10,000 ขวด มาจัดจำหน่ายในราคาพิเศษ พร้อมให้เหล่าคนรักไวน์ซื้อทั้งแบบขวดและยกลังกลับบ้านได้ โดยจะเปิดจำหน่ายตั้งแต่เวลา 12.00 – 23.00 น.
- โซนที่ 3 Craft Beer ซึ่งในงานได้รวมผู้ผลิตและจำหน่ายคราฟต์เบียร์หลากหลายรสชาติและเป็นซิกเนเจอร์มาให้เลือกดื่ม เปิดบริการตั้งแต่เวลา 12.00 – 23.00 น.
อิมแพ็ค ผนึก เชลล์ชวนชิม จัดบิ๊กอีเวนต์รวมความอร่อย
ด้าน พอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวว่า อาหารไทยถือเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติที่สร้างชื่อให้ประเทศไทย โดยเฉพาะร้านอาหารกลุ่มสตรีทฟู้ด (Street Food) ที่ได้รับความนิยมจากทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งในไทยมีสัญลักษณ์แห่งความอร่อยที่เข้าใจรสชาติของคนไทยอย่างยาวนานกว่า 62 ปี ภายใต้ชื่อ เชลล์ชวนชิม ถือเป็นเครื่องหมายที่นักชิม และผู้ชื่นชอบการรับประทานอาหารให้การยอมรับและเชื่อมั่นในร้านอาหารที่ได้รับเครื่องหมายนี้
ปัจจุบันมีร้านอาหารที่ได้รับเครื่องหมาย เชลล์ชวนชิม ในหลากหลายประเภท อาทิ ร้านอาหารไทย ร้านอาหารนานาชาติ ร้านอาหารจีน คาเฟ่ขนมหวาน เป็นต้น ซึ่งผู้บริโภคอาจจะไม่มีโอกาสสัมผัสรสชาติความอร่อยของทุกร้านได้หมด เนื่องจากมีจำนวนมากและกระจายอยู่ทั่วประเทศ
ล่าสุด อิมแพ็ค เมืองทองธานี ร่วมกับ เชลล์ชวนชิม จัดงาน ‘อิมแพ็ค x เชลล์ชวนชิม’ จัดเต็ม 50 ร้านเด็ดสุดฟิน เสิร์ฟความอร่อย เพื่อร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารและสร้างประสบการณ์แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ให้ได้สัมผัสวัฒนธรรมทางอาหารที่หลากหลาย รวมถึง สตรีทฟู้ด อันเป็นเอกลักษณ์ของไทย
โดยรวบรวมร้านเด็ดร้านดังจาก 50 ร้านทั่วประเทศ มาเสิร์ฟเมนูความอร่อย ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม -7 เมษายน 2567 ณ ลานหน้า อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี คาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 100,000 คน ตลอดระยะเวลา 10 วันของการจัดงาน
ขณะเดียวกันการจัดงานนี้ถือเป็นอีเวนต์ที่ดีต่อโลก โดยมีแนวทางบริหารจัดการขยะ เศษอาหารที่ได้มาตรฐานและสร้างการมีส่วนร่วมให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน พร้อมปลูกฝังพฤติกรรมการแยกขยะ ซึ่งเศษอาหารที่เหลือจากการจัดงาน จะถูกแปลงเป็นปุ๋ย ด้วยเครื่องย่อยอาหาร (Food Waste Composer) เพื่อย่อยสลายขยะอาหารให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์และนำไปใช้บำรุงต้นไม้โดยรอบพื้นที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีต่อไป
ด้าน อรอุทัย ณ เชียงใหม่ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า เชลล์ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหารผ่านการให้ตราสัญลักษณ์ เชลล์ชวนชิม ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนไทยมานานกว่า 62 ปี เป็นความภูมิใจอย่างยิ่งที่เราได้มีส่วนสนับสนุนและพัฒนาทักษะอาชีพอย่างยั่งยืนให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารไทย และเป็นการสืบทอดมรดกและเอกลักษณ์ของอาหารไทยส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งการส่งเสริมให้สังคมไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของเชลล์ในการทำธุรกิจมายาวนาน นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูง
ด้าน มล. ภาสันต์ สวัสดิวัตน์ ประธานคณะกรรมการเชลล์ชวนชิม กล่าวว่า เชลล์ชวนชิมเป็นตราสัญลักษณ์ การันตีความอร่อยที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานตั้งแต่สมัยที่คุณพ่อ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เป็นผู้ให้ตราสำหรับร้านอาหารเชลล์ชวนชิมที่มาออกงานในครั้งนี้จะมีทั้งร้านระดับตำนานที่ได้รับตราเชลล์ชวนชิมมาแล้วหลายสิบปี และยังคงรักษาความอร่อยมาได้ถึงปัจจุบัน
รวมทั้งยังมีร้านเชลล์ชวนชิมรุ่นใหม่ ที่ตนเองและคณะกรรมการเชลล์ชวนชิมทุกคนเห็นตรงกันว่าอร่อยมาก มาออกร้านให้ทุกท่านได้ลิ้มลองกันกว่า 50 ร้าน ไม่ว่าจะเป็น ร้านจึงอังลัก หมูสะเต๊ะเจ้าแรกของประเทศไทย ร้านโตเป็ดย่าง เป็ดย่างหนังกรอบที่เคยขึ้นไปเสิร์ฟบนสายการบินมาแล้ว ร้านจิตสดชื่น จ.กาญจนบุรี ที่ได้รองแชมป์ผัดกะเพราแห่งประเทศไทยเมื่อปี 2566 ร้าน Al-Rahaman ร้านอาหารอินเดียคิวยาวของเชฟรูฟ หรือร้าน Emily ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกเดลิเวอรี่ที่กำลังฮอตฮิตในหมู่วัยรุ่นตอนนี้ พร้อมขอเชิญชวนทุกท่าน มาร่วมสัมผัสความอร่อยในงานนี้
