แบงก์ซีไอเอ็มบี คาดจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ทำให้ กนง. ลดดอกเบี้ย จากเศรษฐกิจไทยอ่อนแอ - การส่งออกมีติดลบ
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า จากตัวเลขเศรษฐกิจไทยรายเดือนกุมภาพันธ์ที่รายงานจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วค่อนข้างเชื่อว่าทาง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)คงอยากลดอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 10 เมษายนนี้จาก 3 ปัจจัย
1. ปัจจัยระยะสั้น - เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกและอาจโยงไปไตรมาสสองน่าจะออกมาอ่อนแอ เราเคยมองว่าไตรมาสแรกอาจโตไม่ถึง 1% เทียบปีก่อน แม้จะขยายตัวไตรมาสต่อไตรมาสจากรายได้การท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์เดียวที่ติดอยู่ช่วสนับสนุน แต่การบริโภคภาคเอกชนอ่อนแอมาก การผลิตก็ย่ำแย่ ภาครัฐก็ขาดงบมาใช้จ่าย แม้จะมีงบประมาณในเดือนเมษายนและเร็วกว่าที่เคยคาดว่าจะมาในเดือนพฤษภาคม แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะยังไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือมาตรการลดค่าครองชีพแบบวงกว้าง และอาจรอไปรวมงบปี 68 เพื่อออกมาตรการดิจิตอลวอลเล็ตปลายปีแทน ซึ่งช่วงครึ่งแรกจะยังน่าห่วง การลดดอกเบี้ยก็เพื่อประคองเศรษฐกิจไม่ให้ทรุด แต่ไม่ใช่การเร่ง อีกทั้งผลการลดดอกเบี้ยจะเห็นจริงก็อีก 6 เดือน (กว่าดอกเบี้ยจะลง คนมากู้มาใช้จ่าย เกิดการจ้างงาน การผลิต การบริโภค เงินหมุนเวียน)
2.ปัจจัยระยะยาว - เรากลับมาทบทวนศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทยใหม่แล้ว พบว่าเรามีแนวโน้มจะโตต่ำลงไปเรื่อยๆ ทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างจากการขาดการลงทุน ขาดแรงงาน สังคมสูงวัย ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าปรับสมดุลย์ใหม่ให้เข้ากับบริบทเศรษฐกิจไทยที่โตได้ต่ำลง
3.ปัจจัยพิเศษ - ค่าเงินบาทอาจมีมูลค่ามากเกินไป หรือ overvalued เห็นอีปครั้งจสกการส่งออกที่ไม่รวมทองคำเดือนล่าสุดแทบไม่โต การส่งออกเสี่ยงขยายตัวต่ำ การลงทุนขาดแรงจูงใจ สินค้าไทยขาดความสามารถในการแข่งขัน
โดยสรุป ผมว่าเราน่าเห็นการสื่อสารของธปท.มากขึ้น และไม่ใช่เพื่อตอบสนองภาครัฐ แต่เพื่อปรับเปลี่ยนกับสถานการณ์ปัจจุบัน ผมห่วงในประเด็น 'น้ำทะลักเขื่อน' ที่เคยเขียนไป ว่าหากการสื่อสารไม่ชัดเจนหรือมีนักลงทุนอยากเก็งกำไร หรือตลาดไล่ต้อนแบงก์ชาติให้ลดอัตราดอกเบี้ยต่อ รวมทั้งอยากเห็นบาทอ่อนแรงไปมากกว่านี้ เราอาจจะกำลังเห็นการเปิดประตูเขื่อนของพฤติกรรมเหล่านี้ในวันที่ 10 เมษายน อย่างที่ผมเคยเขียนว่าลดดอกเบี้ยครั้งเดียวไม่พอ น่าสองครั้งติดกัน และอาจต้องลดอีกลากยาวในลำดับถัดไปยิ่งหลังเฟดลดดอกเบี้ย ส่วนบาทอาจยืนที่ระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐปลายปีนี้ แต่ผมก็กังวลว่าหากบาทจะอ่อนขึ้นมา ตัวเลขที่ 40 จะต้านอยู่ไหม