YDM ลงทุนต่อด้าน Ai ขยายเทคโนโลยี-เพิ่มคนสายดาต้า ตัวช่วยลูกค้าเร่งสปีดการทำงาน-ซอยกลุ่มลูกค้าเก่ง

YDM ลงทุนต่อด้าน Ai ขยายเทคโนโลยี-เพิ่มคนสายดาต้า ตัวช่วยลูกค้าเร่งสปีดการทำงาน-ซอยกลุ่มลูกค้าเก่ง
วายดีเอ็ม มองว่า ‘AI’ จะใกล้ชิดการทำตลาดสินค้าบริการมากขึ้น จากความเก่งในการฟังเสียงลูกค้าในโลกออนไลน์ที่พร้อมนำมาวิเคราะห์ข้อมูลต่อเพื่อสื่อสารตลาดไปหาลูกค้ากลุ่มย่อยๆ พร้อมปิดการขายได้เร็วขึ้น

ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ให้บริการที่ปรึกษาตัวแทนการทำตลาดและโฆษณาครบวงจร เปิดเผยว่าบริษัทฯ วางแนวทางการดำเนินธุรกิจในฐานะผู้เชี่ยวชาญในการทำดิจิทัล มาร์เก็ตติง โดยมุ่งใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Ai) ร่วมกับการให้บริการลูกค้าองค์กรธุรกิจต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการทำตลาดในยุคปัจจุบัน เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าแบบส่วนตัว (Personalization) ที่ต้องการสินค้า/บริการ ที่แตกต่างออกไปแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังใช้งบประมาณราว 5% ของกำไรเพื่อลงทุนในเทคโนโลยี พร้อมเพิ่มจำนวนบุคลากรด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขึ้นอีก 2 เท่าตัวในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา พร้อมจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมารองรับการให้บริการโซลูชั่นส์ด้านเอไอ ขึ้นมาโดยเฉพาะ

“ในปีนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมร่วมเป็นพันธมิตรกับกูเกิล เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการบริการเทคโนโลยีเจนเนอเรทีฟ เอไอ ในระดับโลกด้วย” ธนพล กล่าว

พร้อมเสริมว่า จากความชำนาญของบริษัทได้นำเทคโนโลยีเอไอ เป็นเครื่องมือในการทำงานร่วมกับลูกค้าไม่ต่ำกว่า 5 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันที่เอไอ เข้ามามีบทบาทรอบด้านต่อการทำการตลาดดิจิทัล ที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งการจะเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่จำเป็นต้องฟังทุกเสียงทิ่เกิดขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ (Social Listening) เพื่อนำมาวิเคราะห์ก่อนต่อยอดไปสู่การทำตลาดสินค้า/บริการ ได้ตรงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด

โดย AI จะเข้ามายกระดับกลยุทธ์การทำตลาดใน 3 ด้าน คือ

  1. Economy of Scope: บุคลากรหนึ่งคนทำงานได้หลากหลายขึ้น 
  2. Economy of Scale: ผลิตสินค้าหรือบริการได้มากขึ้น ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง
  3. Economy of Speed: ย่นระยะเวลาการทำงานให้เสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

“อย่างการทำตลาดในอดีต ฝั่งลูกค้าและเอเยนซี จะได้รับโจทย์มาเพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์การตลาดเพื่อสื่อสารไปยังลูกค้ากลุ่มใหญ่ เช่น เดิมมีกลุ่มเป้าหมายราว 1 หมื่นถึง3 หมื่นคน จะสามารถปิดยอดขายได้ราว 0.8% แต่ปัจจุบันการนำเอไอมาใช้จะช่วยแยกกลุ่มเป้าหมายย่อยได้ลงไปอีก โดยในกลุ่มลูกค้าราว 500-1,000 คนจะสามารถปิดยอดขายได้ในสัดส่วน 30%” ธนพล กล่าว  

ด้าน ณัฐพล จิตงามพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด เสริมว่าบริษัทฯ นำเอไอ และ ดาตา เทคโนโลยี มาใช้แบบ Full Funnel เริ่มต้นจากฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ มีการใช้ Social Listening ผนวกกับ AI ในการวิเคราะห์ภาพรวมของธุรกิจ การหาข้อมูลคู่แข่ง หาความต้องการเชิงลึกผู้บริโภค พร้อมกำหนด กลุ่มเป้าหมายย่อยใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจ

“ฝ่ายครีเอทีฟจะนำมาใช้ในการระดมไอเดีย ช่วยคิดก็อปปี้ และ อาร์ต เวิร์ค ตลอดจนใช้สร้างสตอรีบอร์ด งานโฆษณาหรือการรีวิวสินค้าให้น่าสนใจ รวมไปถึงในส่วนงานต่างๆ มาใช้วิเคราะห์เทรนด์ ในการสร้างเนื้อหาที่เหมาะกับแต่ละแบรนด์ เพื่อเพิ่มเอนเกจเมนต์ต่อกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น โดยเอไอจะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพและลดขั้นตอนตลอดกระบวนการทำงานให้กับลูกค้าได้มากขึ้น โดยที่ต้นทุนการทำงานด้วยเอไอไม่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด” ณัฐพล กล่าว

โดยการใช้เอไอเข้ามามีส่วนร่วมในการทำตลาดจะเหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ อาทิ สถาบันการเงิน การธนาคาร ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจค้าปลีกที่มีเชนสาขาจำนวนมาก เป็นต้น

ปัจจุบัน YDM มีฐานลูกค้าหมุนเวียนต่อปีราว 100 รายมีสัดส่วนราว 5% ที่นำเทคโนโลยีเอไอเข้ามาปรับใช้ร่วมกับการทำตลาด โดยในปีที่ผ่านมามีรายได้ 700 ล้านบาท  เติบโต 30 % จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 500 ล้านบาท

ขณะที่มูลค่าการตลาดเทคโนโลยี (MarTech) เติบโต 10% ของงบการตลาดโดยรวมซึ่งเติบโต 100 % จากปีที่ผ่านมา โดยเม็ดเงินโฆษณา ปี 2566 อยู่ที่ 1.16 แสนล้าน เพิ่มจากปี ก่อน 3 % สำหรับเม็ดเงินโฆษณาออนไลน์มีมูลค่า 28,999 ล้านบาท คิดเป็น 25 % ของเม็ดเงินโฆษณา เติบโต 13 % จากปีก่อน

 

 

TAGS: #วายดีเอ็ม #AI #เอไอ #MarTech