‘ซิซซ์เล่อร์’ กับ 3 เรื่องใหม่ ‘ทำครั้งแรก’ ในมือไมเนอร์ฯ เมนูของหวาน-เปลี่ยนชุดพนักงาน-เปิดสาขาเวียดนาม

‘ซิซซ์เล่อร์’ กับ 3 เรื่องใหม่ ‘ทำครั้งแรก’ ในมือไมเนอร์ฯ เมนูของหวาน-เปลี่ยนชุดพนักงาน-เปิดสาขาเวียดนาม
‘ซิซซ์เล่อร์’ ร้านสเต๊กอายุ 66 ปี กับ 3 เรื่องใหญ่ที่ทำเป็นครั้งแรกในมือไมเนอร์ ฟู้ด ทั้งขายเมนูของหวานจริงจัง รีแบรนด์ผ่านชุดยูนิฟอร์ม พร้อมเปิดสาขาแรก ในเวียดนาม สิ้นปีเป้ารายได้โต10%

หลังจาก ‘MINT’ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมการบริการ ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์ ใช้งบลงทุนราว 545 ล้านบาท เข้าซื้อแบรนด์ร้านอาหารซิซซ์เล่อร์ (Sizzle) ธุรกิจร้านสลัดสเต็กที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐอเมริกา ไปเมื่อกลางปี 2566 ที่ผ่านมา พร้อมครองสิทธิ์การทำตลาดสาขาในไทยและญี่ปุ่น  

อนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท้เอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) ภายใต้การดำนินงานของบริษัท เดอะไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางธุรกิจซิซซ์เล่อร์ ในปี 2567 จะต่อยอดความสำเร็จจากการดำเนินงานในปี2566 ผ่าน 4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย

  1. การพัฒนาเมนูอาหารภายใต้ธีมใหม่ออกมาทุกไตรมาสอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในโอกาสพิเศษในวันต่างๆ
  2. ความร่วมมือระหว่างพันธมิตรเกษตรกรท้องถิ่น ในการจัดส่งวัตถุถิบอาหารตรงจากฟาร์ม เพื่อการันตีความสดที่นำไปสู่คุณภาพของอาหารระดับพรีเมียม
  3. การเติบโตธุรกิจอย่างแข็งแรง  ที่มาจากการมอบสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ ส่วนลดพิเศษ ให้กับลูกค้าสมาชิกร้านซิซซ์เล่อร์ เพื่อเพิ่มความถี่ให้กับลูกค้ากลับมารับประทานที่ร้านซ้ำ ๆ
  4. พรีเมียม โปรดักส์ การพัฒนาเมนูอาหารระดับพรีเมี่ยม โดยในปีที่ผ่านมาเมนูสเต็ก เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวโดยเฉพาะในแคมเปญซิซซ์ลิ่ง (sizzling) เสียงกระทะร้อนเมื่อโดนเนื้อย่าง ที่สามารถสร้างการจดจำแบรนด์และเกระตุ้นผู้บริโภคกลุ่มลูกค้าทั้งรายเดิมและรายใหม่ มารับประทานอาหารในร้านมากขึ้น

“กลยุทธ์ทั้งหมดดังกล่าวทำให้ในปีที่ผ่านมา ซิซซ์เล่อร์มีการเติบโตทั้งรายได้เพิ่มขึ้นและยังพบว่าหนึ่งในสี่ของลูกค้า หรือ ราว 25% เป็นฐานลูกค้าเดิมที่กลับมารับประทานอาหารที่ร้านซิซซ์เล่อร์” อนิรุทธ์ กล่าว

โดยในปีนี้ ซิซซ์เล่อร์ ยังเตรียมรีแบรนดิงครั้งใหญ่โดยจะสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ในฐานะเชฟที่มีความชำนาญด้านการอาหารตะวันตกแบบมืออาชีพผ่านชุดยูนิฟอร์มพนักงานเสิร์ฟ ในโทนสีเทาเข้ม จากเดิมเป็นชุดโทนขาวมีลายเส้นสีเขียว ซึ่งจะทยอยเปลี่ยนในทุกสาขาร้านซิซซ์เล่อร์ ทั้ง 64 แห่งทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีพนักงานเสิร์ฟทั้งสิ้น 2,400 ราย โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค.นี้ คาดว่าจะทยอยเปลี่ยนชุดให้บริการใหม่ของพนักงานได้ครบทุกสาขาภายในเดือน มิ.ย.ปีนี้

“การสื่อสารแบรนด์เพื่อทำตลาดของซิซซ์เล่อร์ผ่านชุดยูนิฟอร์มใหม่สะท้อนถึงความเป็นเชฟมืออาชีพที่ยังสร้างความภาคภูมิใจในการได้สวมชุดของพนักงานร้านด้วย ซึ่งจากนี้ไปซิซซ์เล่อร์ยังจะใช้ตัวเลขอายุแบรนด์ที่อยู่ในตลาดโลกมานาน 66 ปี เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคลูกค้า ขณะที่แบรนด์ซิซซ์เล่อร์ ได้เข้ามาอยู่ในไทยมาราว 30 ปี”

อนิรุทธ์ กล่าวว่าในปีนี้ ซิซซ์เล่อร์ ยังจะทำตลาดแบบรอบด้านเพื่อมอบประสบการณ์วันธรรมดาที่แสนพิเศษ ‘Extraordinary Experience’  ด้วย4 กลยุทธ์ดังกล่าวข้างต้น เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าพร้อมเพิ่มความถี่ในการรับประทานอาหารที่ร้านในช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างมื้อเช้าและกลางวัน ด้วยเมนูซีรียส์ บรันช์ (Brunch) ในเล่ม รวมถึงเมนูให้ความคุ้มค่าเพื่อเพิ่มยอดผู้บริโภค ที่เข้ามาทานที่ร้าน อาทิ เมนูซี่โครงหมูบาร์บีคิว และเมนูสเต๊กเนื้อนิวยอร์ค ด้วยพิ่มปริมาณในราคาปกติ

นอกจากนี้ ร้านซิซซ์เล่อร์ ยังได้ทำเมนูของหวานออกมาทำตลาดเป็นครั้งแรก นอกเหนือจากไอเทมปกติที่อยู่ร่วมกับสลัดบาร์ โดยจะมี 3 รายการ คือ

เมนูช็อคโกแลตลาวา เมนูเลม่อน มูส และเมนู ชีสโทสต์ ฮันนี่ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของเมนูและเป็นทางเลือกเพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามารับประทานอาหารที่ร้านมากขึ้น พร้อมพัฒนาเมนูสลัดบาร์ในคอนเซปต์ใหม่ตามฤดูกาล โดยนำผลไม้ยอดนิยมตามฤดูกาลมาทำเป็นเมนูสลัดบาร์

อนิรุทธ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้ ซิซซ์เล่อร์ ยังจะวางให้เป็นปีแห่งการพาผู้บริโภคท่องเที่ยวไปยังประเทศโลกตะวันตก ผ่านอาหารจานเด็ดที่เป็นซิกเนเจอร์ของแต่ละประเทศตลอดทั้งปี โดยช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 ซิซซ์เล่อร์ จะสร้างการเติบโตผ่านเมนูใหม่ภายใต้ธีม The New Sizzling USA BBQ เมนูพรีเมียมในรูปแบบบาร์บีคิวเสียบไม้ และไก่ทอดราดซอสซิกเนเจอร์ ตามแบบฉบับอเมริกันแท้ พร้อมส่งมอบประสบการณ์การรับประทานรูปแบบใหม่ในสไตล์อเมริกัน ที่เป็นต้นกำเนิดของซิซซ์เล่อร์

พร้อมเปิดตัว 3 เมนูเครื่องดื่มใหม่ ประกอบด้วย ช็อกโกแลต บราวนี่ มิลค์เชค (Chocolate Brownie Milkshake),  แบล็กฟอเรสต์ มิลค์เชค (Black Forest Milkshake)  และ ซอลท์เท็ด คาราเมล มิลค์เชค (Salted Caramel Milkshake) ในราคาช่วงแนะนำแก้วละ 129 บาท (ปกติ 199 บาท)

อนิรุทธ์ กล่าวต่อว่าในปี2567 ซิซซ์เล่อร์ จะขยายอีก 3 สาขาใหม่ ล่าสุดเปิดไปแล้วหนึ่งแห่งที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครปฐมเมื่อปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา โดยอีก 2 สาขาใหม่อยู่ระหว่างพิจารณาทำเล โดยจะมุ่งให้ความสำคัญในพื้นที่จังหวัดเมืองรอง มากขึ้น คาดสิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งหมด 67 สาขา

นอกจากนี้ซิซซ์เล่อร์ ยังได้ขยายสาขาในเวียดนาม เป็นแห่งแรกในเมืองโฮจิมินห์ โดยได้พันธมิตรท้องถิ่นกลุ่ม โกลด์ซัน กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ดำเนินธุรกิจร้านซิซซ์เล่อร์ ในรูปแบบแฟรนไชส์ พร้อมวางแผนผลักดันสู่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคต่อไป ปัจจุบันซิซซ์เล่อร์ เปิดให้บริการ 64 สาขาในไทย 10 สาขาในญี่ปุ่น และ 1 สาขาในเวียดนาม

อนิรุทธ์ กล่าวว่าแนวทางการขยายธุรกิจดังกล่าว ด้วยซิซซ์เล่อร์มองเห็นโอกาสในตลาดร้านอาหารสเต๊กระดับพรีเมียมในภูมิภาคอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มขยายการเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดในปี 67 จะเติบโต 4.5% จากในปี2566 เติบโต 5% เทียบกับปีก่อนหน้า

ขณะที่ตลาดพรีเมียมสเต๊กในไทย คาดมีมูลค่าราว 9,000 ล้านบาท โดยซิซซ์เล่อร์มีส่วนแบ่งราว 30% จากในปีก่อนมีส่วนแบ่งราว 20-25% โดยปัจจุบันซิซซ์เล่อร์ มีสัดส่วนรายได้จากเมนูพรีเมียมสเต๊กที่ให้บริการในร้านราว 12% เทียบกับเมนูทั้งหมดของร้าน และมียอดขายหลักสัดส่วน54% มาจากสาขาในกรุงเทพฯ ที่เหลือ 46% มาจากสาขาต่างจังหวัด จากแผนดังกล่าว บริษัทฯ วางเป้าหมายยอดขายเติบโต 10% ต่อเนื่องทุกปีนับจากนี้ โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาเติบโต 5%

TAGS: #ซิซซ์เล่อร์ #ไมเนอร์ #MINT