เปิดตัว TRIUMP SPEED 400 & SCRAMBLER 400X

เปิดตัว TRIUMP SPEED 400 & SCRAMBLER 400X
เปิดตัวจริง เสียงจริง Triumph 400 ซีรีส์ เปิดราคา 157,900 บาท สำหรับ Triumph Speed 400 และ 179,900 สำหรับ Triumph Scrambler 400 X

สิ้นสุดการรอคอยกับการได้เห็นตัวจริง เสียงจริง และทดสอบจริง ของ  Triumph 400 ซีรีส์ ซึ่งเปิดตัวมาสองโมเดลหลักจากโรงงานประเทศอินเดีย ซึ่งหลายต่อหลายคนเฝ้าตั้งคำถามถึงคุณภายและราคาที่เปิดมาที่ 157,900 บาท สำหรับ Triumph Speed 400 และ 179,900 สำหรับ Triumph Scrambler 400 X

The Better News ได้รับเกียรติจาก Triumph Motorcycle ประเทศไทยเช่นเคยในการเข้าร่วมทดสอบพร้อมกันทั่วโลกกับสื่อจากต่างประเทศและจากประเทศไทย โดยทำการทดสอบที่จังหวัดชลบุรีซึ่งเส้นทางได้ถูกวางให้เราได้ใช้ศักยภาพของรถได้ครบทุกรสชาติทั้งทางดำและทางฝุ่นในเวลาอันจำกัด ถือว่าดีทีเดียว

หลายท่านน่าจะตั้งคำถามว่ารุ่นใหนล่ะที่จะเหมาะกับเรา? มาดูกันที่สเปคกันก่อนแล้วผมจะสรุปให้ว่าแต่ละรุ่นมีดีต่างดันอย่างไร

Speed 400 และ Scrambler 400 X: สองรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Triumph ในปี 2024 

Speed 400 ถือกำเนิดขึ้นจากสายเลือดหลักของ Triumph ในกลุ่ม Modern Classic Roadster ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของ Triumph ได้แก่ Speed Twin 900 และ 1200 ในขณะที่ Scrambler 400 X นำ DNA มาจาก Scrambler 900 และ 1200 ด้วยสายเลือดแบบออฟโรดที่โด่งดังมาตั้งแต่ปี 1950

ทั้งสองรุ่นได้รับการออกแบบตั้งแต่เริ่มต้นใหม่หมดจรดโดยมีแพลตฟอร์มเครื่องยนต์สูบเดี่ยวใหม่ล่าสุดเป็นหัวใจ ผสมผสานกับเทคโนโลยีที่มีคุณภาพ ตลอดจนผ่านข้อกำหนดมาตรฐานในระดับสูง 

สำหรับ Triumph Speed 400 นั้น ปรกติ Triumph จะใช้คำว่า Speed แทนคำว่า Street โมเดลที่ไม่ได้เน้นความแรง แต่กลับนำมาใช้กับโมเดลนี้ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ให้แรงเหนือกว่าคู่แข่งในคลาสเดียวกัน ซึ่งผมมีความเชื่อว่า Triumph ไม่ตั้งชื่อมาแบบมั่วๆ แน่นอนแม้จะใช้เครื่องยนต์ สูบเดียวก็ตาม

DNA ของ SPEED และ SCRAMBLER

ทั้งสองโมเดลถูกโดยทีมจากโรงงานหลักเมืองฮิงคลีย์ สหราชอาณาจักร โดย เริ่มจากด้วยรูปทรงของ Triumph ที่ที่มองทุกมุมแม้ไม่มีโลโก้ก็รู้ว่านี่คืแ Triumph ถังเชื้อเพลิงอันเป็นเอกลักษณ์ และเครื่องยนต์สไตล์คลาสสิก 

มีฝาสูบแบบครีบที่โดดเด่น ผสมผสานกับรายละเอียดสมัยใหม่ ระบายความร้อนด้วยของเหลว และการไหลของไอเสียที่มีตัวเก็บเสียงหลักที่ซ่อนอยู่ ทั้งหมดนี้ คือสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกของ Triumph

Speed 400 น้ำหนักน้อยกว่า Scrambler 400 X ประมาณ 9 กิโลกรัม ความสูงเบาะ ต่ำกว่า Scrambler 400 X ระยะยุบโช๊คต่ำกว่า ทำให้ เหมาะกับคนที่ตัวไม่สูงมาก รถก็ดูกระชับ คล่องตัวแน่นอน

 

เมื่อพูดถึงวัสดุและคุณภาพนั้น Triumph ยกระดับให้สูงขึ้นชนเพดาน ด้วยโครงเครื่องยนต์เคลือบสีดำด้าน ตะเกียบชุบอโนไดซ์สีทอง ไปจนถึงการทำรายละเอียดโลโก้กราฟิกบนถังน้ำมันของ Triumph ที่เตะตา ไม่อ้อมค้อมว่านี่คือ Triumph โดยมีสี Carnival Red, Caspian Blue และ Phantom Black

Scrambler 400 X นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเค้นเอาคุณสมบัติที่มีประโยชน์และใช้งานได้จริงออกมา ไม่ใช่มาแต่ชี่อแต่สันดานหรือนิสัยของเครื่องยนต์รถกลับสวนทางกัน เดี๋ยวก็รู้ครับ

จากการที่ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอารมณ์ของ Scrambler อยู่แล้วจึงตั้งป้อมเตรียมรับอารมณ์ของโมเดลนี้แบบเน้นๆ กันเลยทีเดียว ถ้า Triumph ไม่เข้าใจจุดนี้ถือว่า จบกัน

แต่เรามาดูการออกแบบของเขาก่อน

เริ่มจากภายนอกกับแผงปกป้องไฟหน้าสไตล์วิบากหล่อๆ ตลอดทรงแฮนด์บาร์ที่ยกสูง มีการ์ดแฮนด์ มีแผ่นรองกันกระแทกใต้ท้องเครื่อง และบังโคลนหน้าที่ยาวขึ้น กับระบบช่วงล่างที่มีระยะยุบสูงกว่า Speed 400 เรียกว่า ผู้ขับขี่สูง 160 ซม อย่างผม มีเขย่งขาเดียวตอนจอดให้ได้เมื่อยกันบ้าง โชคดีที่รถมีน้ำหนักไม่มากและมีการออกแบบให้บาลานซ์รถอยู่ในจุดที่ดีพอสมควรเลยไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรมาก

Scrambler 400 X มีให้เลือกในโทนสีสามแบบ โดยแต่ละสีมีแถบตัวถัง 'Scrambler' อันเป็นเอกลักษณ์ของ Triumph และตราสามเหลี่ยม พร้อมด้วย Matt Khaki Green และ Fusion White, Carnival Red และ Phantom Black พร้อมด้วยตัวเลือก Phantom Black และ Silver Ice

เครื่องยนต์ที่แตกต่างบนความเหมือน
หลายคนมองว่าทั้ง Speed 400 และ Scrambler 400 X มีเครื่องยนต์ เหมือนกัน ซึ่งผมอยากบอกว่า 

ถูก! แต่ไม่ทั้งหมด 

Triumph มีเหตุผลในการตั้งชื่อเพื่อเฉลิมฉลองสายเลือด Triumph 'Trophy' อันเก่าแก่ ซึ่งมีรากฐานมาจากการแข่งขันโดยใช้เครื่องยนต์สูบเดียวในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันออฟโร้ด Six Day Trial 

ในครั้งนี้ เครื่องยนต์สูบเดียว 398cc เกียร์ 6 สปีดของทั้งสองรุ่น ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด มีจุดเด่นทางเทคนิค ได้แก่ ฝาสูบ DOHC สี่วาล์ว และเพลาข้อเหวี่ยงที่ได้รับการถ่วงน้ำหนักให้สมดุลอย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น ให้พละกำลังที่นุ่มนวลและทรงพลังจากการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบวาล์วเคลือบ DLC ที่ช่วยลดแรงเสียดทาน

Speed 400 จะถูกเซ็ทมาสำหรับการใช้ในเมืองและท่องเที่ยวไปบนทางดำ ในขณะที่สันดานดิบของ Scrambler 400 X จำเป็นอย่าสงยิ่งที่จะต้องมี ทอร์คต้นที่จัดจ้านเพื่อความสนุกในการขับขี่ออฟโร๊ดซิ่ง ทางทีมงาน Triumph ได้คุยกับ The Better News เป็นการส่วนตัวว่ามีการ โปรแกรมที่ไม่เหมือนกัน รวมถึง การทดเฟืองหน้าที่พวกเขาไม่ระบุตัวเลขให้ แต่เราก็คงจะพอเดา กันได้ ว่าหาก ลดเฟืองหน้าแค่ 1 ฟัน ก็น่าจะเพิ่มความแตกต่างได้ ข้อมูลนี้ถือว่าเป็นที่น่าพอใจว่าลูกค้าจะได้รถที่ไม่เหมือนกันที่ไม่มช่แค่การออกแบบภายนอกแต่คาร์แรคเตอร์ที่ต่างกันด้วย

จุดนี้เองที่ผมรอคอยคำตอบซึ่งเป็นที่น่าพอใจ

Speed ​​400 และ Scrambler 400 X มีการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อความสะดวกสบายและการควบคุมที่มีสมรรถนะสูงสุด เพรียวบาง ผสมผสานกับความสูงของเบาะนั่งเพียง 790 มม. และ 835 มม. ตามลำดับ และน้ำหนักเบาที่ 170 กก. / 179 กก. ทั้งสองรุ่นใช้แชสซีเฉพาะรุ่นของตนเอง มีเฟรมใหม่ พร้อมซับเฟรมด้านหลัง และสวิงอาร์มอะลูมิเนียม จับคู่กับระบบกันสะเทือนที่ปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละกรณี 

Speed ​​400 มีโช้คหน้าแบบกลับขนาด 43 มม. ระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบโมโนโช๊คพร้อมกระปุกน้ำมันภายนอก ล้อน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้ว เบรกหน้ามีสี่ลูกสูบ พร้อมดิสก์หน้าขนาด 300 มม. 

Scrambler 400 X มีฐานล้อที่ยาวขึ้น ระยะยุบของโช๊คหน้ามากขึ้น ล้อหน้าขนาดใหญ่ขึ้น 19 นิ้ว และแฮนด์รถที่กว้างเพื่อความเสถียรและการควบคุมที่ดียิ่งขึ้นเมื่อขี่บนพื้นผิวที่ออฟโร๊ด ให้ตำแหน่งการขี่ที่ตั้งตรง ควบคุมได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ตำแหน่งการยืนขี่เป็นธรรมชาติมากขึ้นเมื่อขี่บนทางออฟโรด ในขณะที่จานเบรกหน้าขนาดใหญ่ขึ้น 320 มม. 

เทคโนโลยีที่ให้มาครบๆ หน้าจอ LCD ใหม่ พร้อมปุ่มควบคุมติดแฮนด์สะดวกในการปรับเปลี่ยน มีช่องเสียบชาร์จ USB-C สามารถชาร์จอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนแฮนด์รถได้ในขณะเดินทาง เช่น สมาร์ทโฟนและระบบนำทางใช้คันเร่งไฟฟ้า ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนและ ABS ที่เฉพาะ Scrambler 400 X สามารถ ปิดได้

Torque-assist clutch ป้องกันการล็อกล้อหลังระหว่างการเปลี่ยนเกียร์ลง ไฟหน้า LED ทั้งหมด พร้อม ไฟ Day-light กับสัญลักษณ์ DRL ของ Triumph ทั้ง Speed ​​400 และ Scrambler 400 X มาพร้อมชิปทรานสปอนเดอร์ที่รวมอยู่ในกุญแจสตาร์ท กับระบบล็อคพวงมาลัยและระบบป้องกันการโจรกรรมเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน 

ฟีลลิ่งในการขับขี่

Triumph Speed 400

Speed 400 นั้น กลมกล่อมมากๆ ในองค์รวม เครื่องยนต์ ดีเกินคาด มีพละกำลัง พอเหมาะ อัตตราเร่งดี นุ่มนวล ทำความเร็วได้ดี แซงรถอื่นๆ ในความเร็วทะลุ 120 ได้สบาย ที่สำคัญ รถนิ่งมาก รู้สึกปลิดภัย ช่วงล่างทำงานได้ดี ต้องบอกก่อนว่าขี่รถทางดำ มีลำไปทางแคบมรโค้งให้เล่นบ้าง เป็นรถที่สลายกายและใจจริงๆ ขาถึงพื้น มั่นใจ

Triumph Scrambler 400 X
Scrambler 400 X เบาะสูง เขย่งขาเดียว แต่รถเบา มีบาลานซ์ดี ทำให้ไม่ยากในการควบคุม ไม่แนะนำไปโหลดให้ต่ำลง รถสวยอยู่แล้ว ทำมาไว้ลุยแบบชัดเจนกว่า Speed 400 ทอร์คต้น มีความจัดจ้านกว่า Speed 400 ถือเป็นข้อสอบง่ายๆ ที่ Triumph ไม่ลืม DNA ของ  Scrambler และ วิศวกรน่าจะปรับใช้ สะเตอร์ หน้า และ หลัง ที่แตกต่างไปจาก Speed 400 ซึ่งทาง Triumph ไม่เปิดเผยสเปคให้เราได้รู้ แต่ก็ไม่เป็นไร เอาเป็นว่า เห็นด้วย เพราะ Scrambler 400 X นั้น ขี่สนุก มั่นใจในทาง ออฟโร๊ด ด้วยระยะยุบโช๊คที่มากกว่า และการเซ็ทค่าที่เหมาะสม แต่ความคล่องตัวก็ยังเป็นรอง Speed 400 ในทางดำ

เรียกว่าชัดเจนกันไปเลยกับสองโมเดลนี้ว่าเหมาะกับเจ้าของที่มีไลฟ์สไตล์ต่างกัน

ทั้งสองโมเดลสร้างมาเพื่อให้เจ้าของรถได้แต่งรถ คัสตอมรถ ในแนวของตัวเอง และ K-Speed สำนักแต่งระดับเวิร์ลด คลาสของไทยก็ได้ สร้างรถสองโมเดลนี้ออกมาอย่างงดงาม เราจึงได้รับเกียรติให้นมาเผบแพร่ให้แก้ผู้อ่าน The Better News เพื่อเป็นอีกแนวทางหนึ่งหรือสั่งรถรุ่นพิเศษจาก K-Speed เลยก็ไม่ว่ากัน