ตลาดรถยนต์สะดุดสินเชื่อเข้มงวดยอดขายร่วงเกือบ30%

ตลาดรถยนต์สะดุดสินเชื่อเข้มงวดยอดขายร่วงเกือบ30%
ส.อ.ท.ห่วงยอดขายรถยนต์กระทบเป้าผลิตทั้งปี หลังลิสซิ่งปล่อยยากขึ้น กลุ่มกระบะออเดอร์หายกว่า 40 % เชื่อครึ่งปีหลังดีขึ้นเมื่องบปี’67เริ่มใช้จ่ายเพิ่มสภาพคล่องในระบบ

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์  รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าการผลิตรถยนต์ในเดือนมีนาคม 2567มีจำนวน 138,331 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคม 2566 ร้อยละ 23.08  เนื่องจากการผลิตขายในประเทศลดลงร้อยละ 41.01 จากการผลิตรถกระบะและรถยนต์นั่งที่ลดลงตามยอดขายในประเทศที่ลดลงจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน

 

รวมไปถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังไม่มาก เพราะโรงงานผลิตรถยนต์บางบริษัทยังไม่พร้อม ซึ่งคาดว่าการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้นในไตรมาสที่ 3 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 3.47  ส่งผลให้ไตรมาสแรกมีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ 414,123 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 18.45

 

สำหรับการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออก เดือนมีนาคม 2567 ผลิตได้ 91,808 คัน เท่ากับร้อยละ 66.37 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมีนาคม 2566 ร้อยละ 9.09 ส่งผลให้ไตรมาสแรก ผลิตเพื่อส่งออกได้ 273,680 คัน เท่ากับร้อยละ 66.09 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 5.02

 

ด้านยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมีนาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 56,099 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 6.16 และลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 29.83 มีปัจจัยสำคัญจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินจากหนี้ครัวเรือนที่สูงมากและเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

 

ตลอดจนความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ที่ล่าช้าไปหลายเดือน ทำให้การใช้จ่าย การลงทุน และการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชะลอตัวไปด้วย ซึ่งคาดว่าครึ่งปีหลังยอดขายรถยนต์จะดีขึ้นจากการใช้จ่าย การลงทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลร่วมกับการลงทุนของเอกชนและการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นมากกว่า 33 ล้านคน

 

สำหรับรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มียอดขาย 30,894 คัน เท่ากับร้อยละ 55.07 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 22.70 โดยรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) มีจำนวน13,390 คัน เท่ากับร้อยละ 23.87 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 48.36

 

ขณะที่รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 12,688 คัน เท่ากับร้อยละ 22.62 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 70.24  ส่วนรถกระบะมีจำนวน 16,212 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 45.27 รถ PPV มีจำนวน 3,436 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 46.68

 

อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสแรกของปีมียอดขายรถยนต์ 163,756 คัน ลดลงจากปี 2566 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 24.56 แยกเป็น รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 96,794 คันเท่ากับร้อยละ 59.11 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 8.23

 

ด้านรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 41,058 คัน เท่ากับร้อยละ 25.07 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 41.44 และรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 36,042 คัน เท่ากับร้อยละ 22.01 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 69.08

 

ส่วนรถกระบะมีจำนวน 46,611 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 44.01 รถ PPV มีจำนวน 9,814 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 46.16 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 4,597 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 26.07 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 5,940 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนช่วงกันในปีที่แล้ว 51.80

 

สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เดือนมีนาคม 2567 ส่งออกได้ 95,089 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 7.18 และลดลงจากเดือนมีนาคม 2566 ร้อยละ 3.35 แยกเป็นรถยนต์สันดาปภายใน ICE 90,201 คัน ลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 7.76 ส่งออกรถยนต์ HEV 4,888 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 728.47

“การส่งออกยังคงแข็งแกร่งตามยอดขายของประเทศคู่ค้าที่ยังเติบโต เช่น ประเทศออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ สหรัฐ เม็กซิโก สหราชอาณาจักร เป็นต้น อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆอย่างใกล้ชิดเพราะอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ มูลค่าการส่งออก 67,926.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม 2566 ร้อยละ 12”

นายสุรพงษ์ กล่าวถึง สถานการณ์ยานยนต์ไฟฟ้าว่า ในเดือนมี.ค. มีรถยนต์ป้ายแดงประเภท BEV จดทะเบียน 7,436 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคมปีที่แล้วร้อยละ 15.59   ส่วนยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV มียอดจดทะเบียน 11,980 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมปีที่แล้วร้อยละ 35.70  และยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV มียอดจดทะเบียน 876 คัน ลดลงจากเดือนมีนาคมปีที่แล้วร้อยละ 25.64

อย่างไรก็ตามในภาพรวมยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 161,352 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 203.94  ส่วนประเภท HEV มีจำนวน 381,400 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 34.35 โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 372,274 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 35.48  รถยนต์นั่งมีจำนวน 371,397 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2566 ร้อยละ 35.48

 

TAGS: #ส.อ.ท. #รถยนต์ #ยอดขาย