‘นันยาง’ แบรนด์รองเท้าที่อยู่เคียงข้าง ‘วัยรุ่น’ ไทยมาทุกยุคร่วม 70 ปี จนถึงวันนี้นอกจากการทำตลาดสินค้าเพื่อใส่ ‘เท้า’ แล้วจากนี้ไปจะขอใส่ ‘ใจ’ กลุ่มลูกค้าอย่างสุดซึ้ง ด้วยแคมเปญ ‘พอดีไม่เหมือนกัน’
ดร.จักรพล จันทวิมล กรรมการผู้จัดการ บริษัทนันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดรองเท้าแบรนด์นันยาง กล่าวว่า ‘นันยาง’ แบรนด์รองเท้าสัญชาติไทยอยู่ในตลาดมานานร่วม 70 ปี
ปัจจุบัน ถือเป็นแบรนด์รองเท้านักเรียนขวัญใจวัยรุ่นชาวไทย ด้วยตลอดช่วง 7 ทศวรรษผ่านมา ‘นันยาง’ เป็นแบรนด์ที่เดินเคียงข้างมาพร้อมกับวัยใสและเติบโตมาด้วยกัน
กับคาแรกเตอร์แบรนด์รองเท้าที่มี ’ความเก๋า’ นอกเหนือจากการทำตลาดด้วยการใส่อารมณ์ (Emotional Marketing) ‘ความเท่’ เมื่อได้สวมใส่เข้าไปด้วย ยิ่งทำให้นันยาง กลายมาเป็นแบรนด์รองเท้านักเรียนขวัญใจวัยรุ่น มาโดยตลอด
“ย้อนกลับไปในยุค90 นันยางจะทำตลาดแถมของเล่นไปพร้อมกับสินค้ารองเท้า ซึ่งก็จะตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในยุคนั้น ถัดมาก็จะเป็นยุคของอีโมชันนัล การทำตลาดที่มีส่วนร่วมกับอารมณ์ของผู้ใช้งาน ด้วยการดึงคาแรกเตอร์ของนันยางออกมาสื่อสาร” ดร.จักรพล ขยายภาพการตลาดนันยางให้ชัดขึ้น
จนมาถึงปัจจุบัน ‘นันยาง’ ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันมากขึ้น จากสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งรูปแบบการสื่อสารการทำแบรนด์สินค้า ที่วันนี้ มีความแตกต่างไปจากคู่แข่งเพียงอย่างเดียวไม่พอแล้ว
แต่ยังมีโจทย์ใหญ่ คือ เส้นทางที่นันยางวางไว้ตอนนี้ จริงๆ แล้วผู้บริโภคมีความต้องการจริงหรือไม่? ที่นันยาง ยิ่งต้องศึกษาความต้องการเชิงลึกลูกค้ากลุ่มนี้ให้มากขึ้น
ทั้งนี้ จากการสำรวจตลาดของแบรนด์นันยาง ที่สามารถครองใจกลุ่มเป้าหมายรองเท้านักเรียนนันยาง ในปัจจุบันที่เข้าสู่สู่ยุคเจนเนอเรชัน Z (Z Generation) พบว่า ลูกค้ากลุ่มนี้มีความเชื่อมั่นในตัวแบรนด์ และมีความเข้าใจค่อนข้างมากว่าแบรนด์นันยาง ได้เข้ามามีส่วนร่วมแก้ปัญหาสังคมได้อย่างไร และจะอยู่เคียงข้าง ‘พวกเขา’ ได้อย่างไร?
จากความคิดเหล่านี้ ของกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวทำให้ ‘นันยาง’ มองว่า จะต้องทำสิ่งตอบแทนคืนให้กับพวกเขาด้วยเช่นกัน และเป็นที่มาของการทำตลาดผ่านแคมเปญล่าสุดในปีนี้ ภายใต้ชื่อ ‘พอดีไม่เหมือนกัน’ ชวนนักเรียน ‘เลิกกดดันตัวเอง’
ดร.จักรพล กล่าวถึงที่มาแคมเปญฯ นี้ ได้ต่อยอดจากกิจกรรมทางการตลาด ‘นันยางแสดงจุดยืนยุติปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียน ที่ทำมาก่อนหน้านี้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
กระทั่งพบข้อมูลลึกที่น่าสนใจลงไปอีก ถึงปัญหาการบูลลี่ในที่โรงเรียน ซึ่งโดยแท้จริงเป็นปัญหาของ 'ยอดภูเขาน้ำแข็ง' เท่านั้น และหากต้องการแก้ปัญหาสะสมเหล่านี้อาจจะต้องใช้วิธีการทะลายที่ฐานล่างของภูเขาน้ำแข็ง
ซึ่งนั่นก็คือแก้ที่ ‘ตัวเอง’ จากความมั่นใจและมองว่าตัวเองดีไม่พอ ไม่เป็นที่ยอมรับของผู้อื่น ที่นำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตใจย่ำแย่ จนกลายเป็นผู้มีภาวะซึมเศร้าในที่สุด
โดยข้อมูล จากกรมสุขภาพจิต พบสถานการณ์สุขภาพจิตของเยาวชนไทย ในช่วงปี 2563-2567 มีความเครียดสูงกว่า 24.83% มีภาวะเสี่ยงซึมเศร้า 29.51% และเสี่ยงฆ่าตัวตายสูงถึง 20.35% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าวัยอื่นๆ
สาเหตุมาจากควาสมเครียด ความเหนื่อยล้า ที่สะสมจนก่อเป็นปัญหาภายในจิตใจของเด็ก ซึ่งหากเด็กไม่พูดหรือไม่มีพื้นที่ที่จะรับฟังก็เท่ากับไร้ที่พึ่ง และนำไปสู่ การกดดันเหยียบย่ำตัวเอง หรือ ‘Self Bully’ นั่นเอง
จากอินไซด์ นี้ ทำให้ ‘นันยาง’ นำมาต่อยอดสู่กิจกรรมทางการตลาดภายใต้แคมเปญ ‘พอดีไม่เหมือนกัน’ ที่เปิดตัวไปเมื่อ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยเริ่มจากกิจกรรมตู้ถ่ายภาพอินเทรนด์ให้ได้มาถ่ายรูปรอยเท้าตัวเอง เพื่ออวดรอยเท้าพอดีไม่เหมือนกันของทุกคน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 5 พฤษภาคม นี้ ที่ลิโด้ สยามสแควร์ รวมถึงได้ทำเพลง พอดีไม่เหมือนกัน ออกมาอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเปิดตัวไมโครไซต์ แพลตฟอร์ม ‘ด.จ.ต.’ ดูใจตน วอลเล็ต ชวนวัยรุ่นไทยมาสำรวจตัวเอง ผ่านแบบประเมินทางจิตวิทยา เพื่อเติมความใจดี และกลับมาให้กำลังใจในตัวเองมากขึ้น พร้อมแบ่งปันข้อความ ‘ฮีล’ ใจ ได้ผ่านทาง www.พอดีไม่เหมือนกัน
“แคมเปญฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการตระหนักรู้ ส่งเสริมสุขภาวะที่ คาดจะสามารถเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นไทยได้ไม่ต่ำกว่า 500,000-600,000 คน” ดร.จักรพล กล่าว
พร้อมเสริมต่อว่า จากระยะเวลากว่า 70 ปีที่นันยางทำตลาดสินค้าให้คนไทย สวมใส่ จนขึ้นสู่การเป็นผู้นำในตลาดรองเท้านักเรียนในปัจจุบันทุกประเภทที่มีมูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท โดยนันยางมีส่วนแบ่งการตลาดเฉพาะรองเท้าผ้าใบเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 45%
ในปี 2567 คาดว่าตลาดจะยังมีการแข่งขันเข้มข้น โดยภาพรวมของนันยางในปี 2566 เติบโตดีขึ้นเทียบกับปี 2565 จากปัจจัยการทำตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง โดยนำแบรนด์เข้าไปใกล้ชิดกับผู้บริโภคมากขึ้น บวกกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมที่ดีขึ้นระดับหนึ่ง
โดยนันยาง มีอัตราเติบโต 13% สูงกว่าอัตราการเติบโตของตลาดอยู่ที่3% โดยในปีนี้ นันยาง วางเป้าหมายการเติบโตต่อเนื่องที่ 3-5% ด้วยกลยุทธ์ขยายโอกาสทางการตลาดในทุกช่องทาง ในกลุ่มเป้าหมายหลัก นักเรียน นักกีฬา คนทำงาน และ ผู้ใช้งานอเนกประสงค์
และที่สำคัญนอกจากการทำตลาดสินค้า ใส่ 'เท้า' แล้ว วันนี้ ‘นันยาง’ ขอใส่ ‘ใจ’ กับทุกย่างก้าววัยรุ่นไทยให้เติบโตไปด้วยกันกับแคมเปญ ‘พอดีไม่เหมือนกัน’ ด้วย