เอพีฯ บอกมาตรการสังหาฯ หนุนยอดขายทาวน์เฮาส์ เดือนเมษายน พุ่ง พร้อมลุยต่อไตรมาส2 ปีนี้ มีแผนเปิดตัว 13 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 10,560 ล้านบาท
เมธา รักธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจ กลุ่มสินค้าบ้านแฝดและทาวน์โฮม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ เปิดเผยว่า จากมาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2567 ส่งผลเชิงบวกต่อตลาดอสังหาฯ มีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2567 นี้
“มาตรการฯดังกล่าวมีส่วนช่วยลูกค้าเป้าหมายของเอพีฯ เนื่องจากลูกค้าทาวน์เฮาส์ส่วนใหญ่ของบริษัท อยู่ในกลุ่มราคาบ้านต่ำกว่า 7 ล้านบาทต่อยูนิต” เมธา กล่าว
โดยในช่วงหลังสงกรานต์ปีนี้ ที่ผ่านมา เอพีฯ ได้เปิดตัวทาวน์เฮ้าส์ใหม่ 2 โครงการ ใน 2 ทำเล ได้แก่ ซอยประชาอุทิศ 60 และซอยเพชรเกษม 81 ราคาต่อหน่วยอยู่ระหว่าง 3-6 ล้านบาท และ 1.9-3.5 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับ ทำเลประชาอุทิศ 60 มียอดขาย 300 ล้านบาทในช่วงสัปดาห์เปิดตัว ส่วนโครงการเพชรเกษม 81 มียอดขายมากกว่า 200 ล้านบาท เทียบกับยอดขาย 200 ล้านบาทในช่วงสัปดาห์เปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ที่ผ่านมา
เมธา กล่าวว่า “ถือเป็นสัญญาณที่ดี ด้วยเอพีฯไม่ได้เห็นยอดขายเกิน 200 ล้านบาทในช่วงสัปดาห์เปิดตัวมาเป็นเวลานานแล้ว” พร้อมเสริมว่า “มาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์สามารถช่วยกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยได้”
อย่างไรก็ตาม ยังมีมาตรการที่กระทบตลากที่อยู่อาศัย คือ การปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนและจำนองยูนิตราคา 7 ล้านบาทขึ้นไป เพิ่มขึ้นจากเดิม 3 ล้านบาทหรือต่ำกว่า รวมถึงสินเชื่อจำนองอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% เป็นเวลา 5 ปี สำหรับยูนิตราคา 3 ล้านบาทขึ้นไปที่เสนอโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์
“เอพี ยังมุ่งติดตามการอนุมัติสินเชื่อจำนองอีกครั้ง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นประเด็นสำคัญ” เมธากล่าวเสริม
ขณะที่ ทาวน์เฮาส์ราคาระหว่าง 2-3 ล้านบาทต่อยูนิตในทำเลใกล้นิคมอุตสาหกรรมมีความแข็งแกร่ง จากกำลังซื้อเป็นผู้เงินเดือน ด้วยหลายคนยังได้เปลี่ยนจากการเช่ามาซื้อ ซึ่งมีมีอัตราการผ่อนชำระต่อเดือนใกล้เคียงกันประมาณ 4,000 บาท
ปัจจุบัน AP มีโครงการทาวน์เฮาส์พร้อมยูนิตขายในทำเลอุตสาหกรรมหลัก เช่น ลาดกระบัง และบางปู จังหวัดสมุทรปราการ โดยตั้งเป้าเปิดตัวโครงการทาวน์เฮ้าส์ใหม่ในนวนคร ปทุมธานี ในอนาคตอันใกล้นี้
พร้อมกล่าวว่า “การเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำรายวันที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อราคาที่อยู่อาศัย อาจถูกชดเชยด้วยราคาวัสดุก่อสร้างที่ลดลง โดยเฉพาะเหล็ก ซึ่งบริษัทฯ จะต้องชั่งน้ำหนักอีกครั้ง”
เปิด 13โครงการใหม่ใน 3 เดือน
เมธา กล่าวต่อถึงแผนไตรมาส 2 ปี2567 เอพีฯ มีแผนเปิดตัว 13 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 10,560 ล้านบาท แบ่งเป็น
บ้านแฝดเอพี จำนวน 5 โครงการ ในทำเล ได้แก่
- บ้านกลางเมือง ดิ อิดิชั่น โยธินพัฒนา เริ่ม 14 ล้านบาท เปิดจองครั้งแรก 18 - 19 พ.ค. นี้
- บ้านกลางเมือง ดิ อิดิชั่น บางนา เริ่ม 12 ล้านบาท เปิดจองครั้งแรก 25 - 26 พ.ค. นี้
- แกรนด์ พลีโน่ วัชรพล-จตุโชติ 10 เริ่ม 6.64 - 8 ล้านบาท เปิดจองครั้งแรก 11 - 12 พ.ค. นี้
- แกรนด์ พลีโน่ แจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์ เริ่ม 6.09 ล้านบาท เปิดจองครั้งแรก 25 - 26 พ.ค. นี้
- แกรนด์ พลีโน่ รามอินทรา-วงแหวน 2 เริ่ม 3.4 ล้านบาท เปิดจองครั้งแรก 15 - 16 มิ.ย. นี้
ทาวน์โฮมเอพี จำนวน 8 โครงการ ในทำเล ได้แก่
- บ้านกลางเมือง นอร์ธ ราชพฤกษ์ เริ่ม 4.59 – 8 ล้านบาท เปิดจองครั้งแรก 18 - 19 พ.ค. นี้
- พลีโน่ สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ 60 เริ่ม 99 - 5.99 ล้านบาท
- พลีโน่ สุขุมวิท-บางนา 3 เริ่ม 4.99 ล้านบาท เปิดจองครั้งแรก 18 - 19 พ.ค. นี้
- พลีโน่ ดอนเมือง เริ่ม 2.79 - 5.49 ล้านบาท เปิดจองครั้งแรก 25 - 26 พ.ค. นี้
- พลีโน่ เพชรเกษม 91 เริ่ม 2.39 – 4.39 ล้านบาท เปิดจองครั้งแรก 29 - 30 มิ.ย. นี้
- พลีโน่ รามอินทรา บางชัน สเตชั่น 2 เริ่ม 3.5 ล้านบาท เปิดจองครั้งแรก 29 - 30 มิ.ย. นี้
- พลีโน่ ทาวน์ เพชรเกษม 81 เริ่ม 1.89 - 3.49 ล้านบาท เปิดจอง 27 - 28 เม.ย.
- พลีโน่ ทาวน์ ประชาอุทิศ 90 เริ่ม 2.99 ล้านบาท เปิดจองครั้งแรก 11 - 12 พ.ค. นี้
ทั้งนี้ ตลาดบ้านแฝดเป็นตลาดที่มีดีมานด์ต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะโครงการบ้านแฝดเอพีที่ได้รับความเชื่อมั่นจากกระแสตอบรับดีทุกทำเลที่เปิดขาย ส่งผลให้บริษัทฯ ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่ง ด้วยยอดขายบ้านcฝด 3 ชั้นและ 2 ชั้น สูงที่สุดต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมา (2H/2566) พอร์ตบ้านแฝดเอพีสามารถสร้างยอดขายที่โดดเด่น บ้านแฝดเอพี 3 ชั้น เติบโตขึ้น 54 % และบ้านแฝดเอพี 2 ชั้น โตขึ้น 64% จากครึ่งปีแรก (1H/2566) ส่งผลให้บริษัทสามารถปิดการขายไปได้ทั้งสิ้น 4 โครงการ
สำหรับ ผลดำเนินงาน ณ 30 เมษายน 2567 บริษัทฯ สร้างยอดขาย 22,866 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 17,645 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 5,222 ล้านบาท บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้มูลค่า 36,620 ล้านบาท