หอการค้าฯ 5 ภาค ดันโปรเจคภูมิภาคกระจายการเติบโตขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

หอการค้าฯ 5 ภาค ดันโปรเจคภูมิภาคกระจายการเติบโตขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
หอการค้าฯ ชู 10 จังหวัดนำร่อง โปรโมตท่องเที่ยว ดันค้าชายแดน และดึงดูดการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงภาคการค้า

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยจัดประชุมใหญ่หอการค้า 5 ภาค ภายใต้ธีม Connect the Dotsระหว่างวันที่ 11 - 13 พฤษภาคม 2567  ซึ่งเป็นเวทีหนึ่งที่สำคัญของหอการค้าไทยในการระดมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และทบทวนแผนงานเศรษฐกิจภาคเอกชนจากของหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะเร่งนำไปผลักดันโดยตรงกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจแต่ละภูมิภาค

ทั้งนี้อยากเร่งรัดกับรัฐบาลขับเคลื่อนโครงการยกระดับ 10 จังหวัดสู่เมืองหลักที่ได้มีการประกาศเดินหน้าไปแล้ว เชื่อว่าจะช่วยให้เกิดการสร้างโอกาสและขยายความเจริญไปยังจังหวัดใหม่ที่มีศักยภาพ ทั้งการท่องเที่ยว การค้า การค้าชายแดน รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ

ทั้ง 10 จังหวัดนั้น หอการค้าฯ ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย Kick off โครงการที่จังหวัดนครพนมไปแล้วโดยมีแผนจะลงจังหวัดที่เหลือต่อไป (ลําปาง ราชบุรี นครศรีธรรมราช ตรัง  ศรีสะเกษ นครสวรรค์ จันทบุรี และกาญจนบุรี)

ตลอดจนการเร่งเดินหน้าโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในพื้นที่ EEC อย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดการลงทุนตรงจากต่างประเทศ และ Talent จากทั่วโลกให้เข้ามาช่วยเสริมการยกระดับเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้เต็มศักภาพต่อไป

นายธวัชชัย เศรษฐจินดา ประธานหอการค้าภาคกลางกล่าวถึงแผนยุทธศาสตร์ เอกชนภาคกลาง ว่า ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจภาคกลาง 3 ด้าน ได้แก่ 1.ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติและศูนย์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Hub and Wellness)  2. ยกระดับอุตสาหกรรมทุกมิติ เชื่อมโยงกับ Food Valley และ Innovation Hub  3.ศูนย์กลางโลจิสติกส์เชื่อมโยงภูมิภาคต่าง ๆ

นายสมบัติ ชินสุขเสริม ประธานหอการค้าภาคเหนือ    กล่าวว่า วางแผนจะผลักดันการส่งเสริมพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC-Creative LANNA) ด้วยแนวคิด BCG Economy ผลักดันกฏหมาย

รวมถึงปลดล็อคพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสีเขียวและศูนย์กลางโลจิสติกส์ โครงการสนามบินพิษณุโลกสู่สนามบินนานาชาติเชื่อมโยงการท่องเที่ยวสู่ภูมิภาคอื่น ๆ ตลอดจนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการภาคธุรกิจด้วยการสร้างนวัตกรรมดิจิทัลของผู้ประกอบการ SMEs และ Digital Startup

นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า เร่งยกระดับเศรษฐกิจ มุ่งสู่ความยั่งยืน” (Competitive Isan) ให้เป็นดินแดนแห่งการเชื่อมโยงและรุ่งเรืองในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง หรือ GMS ผ่าน 4 แผนยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ 1. Trade & Travel เร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชายแดนติดกับ สปป. ลาว  2.Agriculture & Food ส่งเสริมการขยายผลโครงการเลี้ยงโคเนื้อคุณภาพสูงนำร่อง 8 จังหวัดอีสานกลาง-ล่าง

3. Travel & Service ชูการท่องเที่ยวสายมูภาคอีสาน เป็น Soft Power ของประเทศ รวมถึงเตรียมความพร้อมในการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกที่จังหวัดอุดรธานีในปี 2569 4. เร่งรัดแผนบริหารจัดการแหล่งน้ำ “โขง-เลย-ชี-มูล” แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งซ้ำซาก

นายปรัชญา สมะลาภา ประธานหอการค้าภาคตะวันออก  กล่าวว่า ต้องการเร่งรัดโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในพื้นที่ EEC ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินภายในปี 2571 โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ภายในปี 2571 โครงการสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาภายในปี 2571 และโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ภายในปี 2570

นอกจากนั้น ยังมุ่งผลักดันการขยายพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC+2) โดยเสนอให้เพิ่มจังหวัดปราจีนบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดใน EEC หลังจากที่ประกาศให้จังหวัดจันทบุรี (EEC + 1) การปรับใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับบริบทไทยและตลาดในภูมิภาค การร่วมวิจัยในระดับนานาชาติระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและชุมชนท้องถิ่น และเร่งการลงทุนด้านการศึกษาเพื่อพัฒนาและยกระดับการศึกษาของไทย โดยตั้งคณะทำงานพัฒนาระบบการศึกษาและหลักสูตรการศึกษาอย่างเร่งด่วน เพื่อผลิตและพัฒนาทักษะกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เป็นต้น

ด้านนายภูวดิท ปรีชานนท์ เลขาธิการหอการค้าภาคใต้กล่าวว่า วางแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจใต้ 4 เรื่องคือ 1. ผลักดันการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกฝั่งทะเลอันดามัน บริเวณอ่าวอ่าง ต.ราชกรูด    อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ให้เป็นท่าเรือสินค้าคอนเทนเนอร์ ขนส่งสินค้าเส้นทางเดินเรือในกลุ่มประเทศเอเชียใต้

2. โครงการสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติอันดามัน จังหวัดภูเก็ต เป็นศูนย์กลางแสดงสินค้า เจรจา แลกเปลี่ยนธุรกิจการค้าการลงทุน 3. โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฝั่งอ่าวไทย เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเรือสำราญภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา 4.โครงการพัฒนาการเชื่อมโยงโลจิสติกส์กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน รองรับการเป็นศูนย์กลางสินค้าฮาลาลสู่ตลาดโลกที่เป็นการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนเชื่อมโยงกับประเทศมาเลเซีย

ขณะที่รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยกล่าว กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2567 โตไม่ถึง 3% หากย้อนกลับไปดูตัวเลขตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะขาลงมาโดยตลอด อย่างไรก็ดีวันนี้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นจากภาวะวิกฤตโควิด-19 แล้ว โดยฟื้นขึ้นจากสัญญาณของภาคการท่องเที่ยวและบริการที่ดี

ในขณะที่ภาคเกษตรกรรมและภาคอุตสาหกรรมยังฟื้นไม่มาก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังมีปัญหาต่อเนื่องและการใช้จ่ายของภาครัฐหดตัวจากรายจ่ายประจำปีและรายจ่ายลงทุน วันนี้มองว่าหากงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้รับการใช้จ่ายแล้ว ช่วงเดือน.ส.ค.เศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้ดี หากไม่มีปัจจัยลบจากสงครามระหว่างประเทศ แต่ระยะยาวยังไม่มีความแน่นอนมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจึงปรับลดจีดีพีลงเหลือ 2.6% ในปีนี้

    

 

 

TAGS: #หอการค้าฯ #ท่องเที่ยว #การค้าชายแดน #EEC