JSP เก็บข้อมูลผู้อยู่อาศัย ตั้งตู้ขายยาอัตโนมัติ ทำเลคอนโด รับ ‘Tele Medicine’ ให้คนไทยเข้าถึงการรักษา

JSP เก็บข้อมูลผู้อยู่อาศัย  ตั้งตู้ขายยาอัตโนมัติ ทำเลคอนโด  รับ ‘Tele Medicine’ ให้คนไทยเข้าถึงการรักษา
‘เจเอสพี’ จัดโครงสร้างธุรกิจบริการสุขภาพครบวงจร นำร่องธุรกิจตู้ขายยาอัตโนมัติยึดทำเลคอนโด-ต่อยอดธุรกิจฟอกไตในชุมชนเตรียมระดมทุนตลาด LiveX  หวังเป้ารายได้ปี67 แตะ 800ล้านบาท

พิษณุ แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด บริษัทโรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ เจเอสพี (JSP) ผู้ดำเนินธุรกิจสุขภาพแบบครบวงจร กล่าวว่าบริษัท จัดโครงสร้างธุรกิจเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในอนาคต เพื่อรองรับโอกาสการทำตลาดหลังพ.ร.บ.สุขภาพดิจิทัล มีผลและพร้อมประกาศใช้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว

สำหรับโครงสร้างเจเอสพี โฮลดิ้ง จะดูแล 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย

กลุ่มธุรกิจวิจัยและพัฒนา (R&D) อุตสาหกรรมสุขภาพและเวลล์เนส

  • บริษัท บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (CDIP Innovative Instinct)
  • บริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด จำกัด (GWM) ดูแลหน่วยธุรกิจเกี่ยวกับด้านไต
  • บริษัท แคร์ซูติก จำกัด ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับคนและสัตว์เลี้ยงโรงงานผลิต เครื่องสำอาง
  • บริษัท บริษัท เมดิส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (Medis) ดูแลธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ยา
  • สุภาพโอสถ คลินิก  ดูแลธุรกิจสุขภาพและเวลล์เนส

กลุ่มธุรกิจช่องทางกระจายสินค้า

  • Medis อุปกรณ์ตู้จำหน่ายยาอัตโนมัติ
  • บริษัท วารี มดิคอล จำกัด  ระบบน้ำยาฟอกไต

“ในแต่ละกลุ่มธุรกิจของเจเอสพีจะสอดรับการทำตลาดร่วมกัน ตั้งแต่การวิจัยพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ไปจนถึงโอกาสการทำตลาดจากการให้บริการเทเลเมดิซีน หรือ บริการแพทย์ทางไกลให้กับคนไทยในพื้นที่ห่างไกลได้เพียงเสียบบัตรประชาชนในจุดที่ต้องการรับบริการก็สามารถเข้าถึงแพทย์ หรือยารายการใหม่นอกเหนือจากยาสามัญประจำบ้านทั่วไปจากเภสัชกรได้ในทุกพื้นที่” พิษณุ กล่าว   

โดยเจเอสพีจะใช้ Medis เป็นผู้ทำตลาดตู้ขายยาอัตโนมัติ (Vending Machine) และได้ทดลองติดตั้งภายในคอนโดมีเนียม 40 จุด รองรับความต้องการใช้เวชภัณฑ์หรือยาสามัญประจำบ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไปพร้อมเก็บข้อมูล (Data) เชิงลึกการใช้งานของผู้อยู่อาศัยใน3 ทำเล ซึ่งพบว่ามีพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป

“คอนโดทำเลอยู่ใกล้กับสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย กลุ่มสินค้าขายดีจะเป็น ถุงยางอนามัย คอนโดทำเลที่มีกลุ่มแม่และเด็กอาศัยหนาแน่น จะเป็นกลุ่มหรือยาสามัญลดไข้ทั่วไป และคอนโดทำเลคนทำงาน จะเป็นกลุ่มยาลดกรด ลดแน่นเฟ้อ เป็นต้น” พิษณุ กล่าว

ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างนำเข้าตู้จำหน่ายาอัตโนมัติเพื่อติดตั้งเพิ่มอีก 160 ตู้ และจะกระจายได้ครบ 200 ตู้ภายในไตรมาส3 ปีนี้ และหากดำเนินการแล้วเสร็จจะทำให้บริษัทมีฐานข้อมูลลูกค้ามากเพียงพอในระดับหนึ่ง เพื่อต่อยอดไปสู่รูปแบบ(โมเดล)ธุรกิจการขายโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านตู้ขายยาฯดังกล่าว และจะทำให้ธุรกิจมีรายได้มาจาก 2 ช่องทาง คือ 1.การจำหน่ายยา และ 2.โฆษณา ในสัดส่วน 50% เท่ากัน จากนั้นมีแผนขยายเป็น 1,000 ตู้ในอนาคต

ต่อยอดธุรกิจดูแลรักษาโรคไต 

พิษณุ กล่าวต่อว่า แผนธุรกิจใน 2567 เจเอสพี ได้ปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ มุ่งตลาดกลุ่มเป้าหมายผู้สูงวัยเป็นหลัก รองลงมาคือ กลุ่มวัยทำงาน พร้อมเพิ่มงบการตลาด 20% จากปีก่อนเป็น 50 ล้านบาท พร้อมใช้กลยุทธ์การทำตลาดผ่านอินฟลูเอ็นเซอร์เจนเนอเรชั่นซิลเวอร์ ด้วยเป็นกลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์จริงมีความลอยัลตี้แบรนด์สูงโดยต้นปuที่ผ่านมา เจเอสพี ได้แต่งตั้ง ‘แม่อี๊ด ดวงใจ หทัยกาญจน์’ เป็นพรีเซนเตอร์ ได้การตอบรับจากกลุ่มลูกค้าผู้สูงวัยเกินคาด ส่งผลให้ 5 เดือนแรก บริษัทมียอดขายราว 300ล้านบาท

“ปัจจุบันประเทศไทย มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 13 ล้านคน คิดเป็น 19% ของประชากรทั้งหมด ถือว่าได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์" (Aged Society) already และคาดการณ์ภายในปี 2573 จำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่า 20% ของประชากร กลายเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอด"(Super-Aged Society)  และยังพบแนวโน้มคนไทยอายุยืนมากขึ้น  JSP ที่มีจุดแข็งคือเป็นโรงงานผลิตยาและอาหารเสริม ที่มีสินค้าจากสารสกัดธรรมชาติและสมุนไพรที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจึงเข้ามาจับตลาดกลุ่มนี้อย่างเต็มรูปแบบ” พิษณุ กล่าว

ขณะเดียวกัน บริษัทยังยกระดับบริการ GWM ในธุรกิจโรงงานผลิตน้ำยาล้างไต (A-B Solution) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาสำหรับผู้ป่วยฟอกไต เครื่องฟอกไตเทียม เข็มต่อสายฟอกเลือด และอุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเลือด โดย GWM ยังถือหุ้นในบริษัท วารี เมดิคอล จำกัด ดำเนินธุรกิจการติดตั้งระบบน้ำ และจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องกรองน้ำและติดตั้งระบบน้ำบริสุทธิ์ให้ศูนย์ฟอกไตของ GWM และลูกค้าทั่วไป

“JSP จะใช้กลยุทธ์การผลิตอาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยโรคไตโดยเฉพาะ เพื่อไปวางจำหน่าย ในศูนย์ฟอกไต ที่ปัจจุบันGWMมีเครือข่ายปัจจุบันมากกว่า100ศูนย์” พิษณุ กล่าว  

ทั้งนี้การผลิตอาหารเสริมสำหรับผู้ป่วยโรคไตนั้นถือว่าเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วนในสังคม เนื่องจากปัจจุบันผู้ป่วยโรคไตมีความยากลำบากในการเลือกบริโภคอาหาร และการบริโภคอาหารได้ไม่กี่ประเภทจะทำให้เกิดความจำเจ ซึ่งงานวิจัยจากต่างประเทศนั้นพบว่าการบริโภคอาหารมีผลต่อจิตใจของผู้ป่วย แต่ JSP มีแผนที่จะผลิตอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไตที่มีรสชาติถูกปากคนไทยซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีสภาพจิตใจและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

นอกจากนี้ JSP จะดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้างความยั่งยืนในสังคมผ่านการเจาะกลุ่มแพทย์ที่มีความสนใจและมีศักยภาพในการเป็นศูนย์ฟอกไต ด้วยการทำธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์เกี่ยวกับศูนย์ฟอกไต น้ำยาฟอกไต และเวชภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

สำหรับ การดำเนินธุรกิจรูปแบบนี้จะทำให้ JSP สามารถเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ของ JSP ขณะเดียวกันยังช่วยให้ประเทศไทยมีคลินิกฟอกไตมากขึ้น สามารถอยู่ใกล้ชิดชุมชน ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับผู้ป่วยประโยชน์กับผู้ป่วยในการเดินทางมาฟอกไต

โดยที่ผ่านมาพบว่าประชากรไทยประมาณ 1.06 ล้านคน ในจำนวนนี้ 220,000 คน อยู่ในระยะสุดท้าย ต้องการฟอกไตหรือล้างไตทางช่องท้อง แนวโน้มผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ปัจจัยนี้ส่งผลกระทบ ต่อภาพรวมเศรษฐกิจ กำลังแรงงานลดลง เนื่องจากต้องมีผู้ดูแล แต่ถ้าหากกลยุทธ์ของ JSP ช่วยให้ชุมชนมีคลินิกฟอกไตได้อย่างทั่งถึง ก็จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับการดูแลผู้ป่วยได้อย่างมาก

สำหรับ GWM ตั้งเป้ารายได้จากการผลิตนำยาฟอกไตและเครื่องมือแพทย์ปี 2567  จำนวน150 ล้านบาท ปัจจุบันให้บริการครอบคลุมศูนย์ไต 120 แห่ง มีเพิ่มขึ้นจาก ปี2566 ที่มี100ศูนย์ คิดเป็น 10 % ของศูนย์ฟอกไตทั่วประเทศไทยที่มีอยู่ ราว 1,200 แห่ง โดยบริษัทตั้งเป้าจะขยายศูนย์ฟอกไตเพิ่มขึ้น 10% จากยอดเดิมในทุกๆ ปี พร้อมวางเป้าหมายนำบริษัทเข้าจะจดทะเบียนในตลาด LiVEx ในเร็วๆนี้

จากแนวโน้มที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องส่งผลให้บริษัทได้ปรับเป้าหมายยอดขายของปีนี้ เป็น 800 ล้านบาท จากเดิม 700 ล้านบาท

 

TAGS: #JSP #เจเอสพี #ตู้กดยาอัตโนมัติ