ศักยภาพจังหวัดภูเก็ต หมุดหมายปลางทางพักผ่อนหรูระดับโลก ที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศเห็นศักยภาพเทียบเท่าเมืองชายทะเลระดับโลกอย่างซานโตรินี่ ไมอาบี่บีช ริเวียร่า และ ฮาวาย
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ‘ซีพีเอ็น’ (CPN) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ค้าปลีกศูนย์การค้า โรงแรม และอาคารสำนักงาน กล่าวว่า หลังซีพีเอ็นเข้ามาลงทุนเปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ตั้งแต่ปี 2547 หรือราว 20 ปีที่ผ่านมา พบว่าจังหวัดภูเก็ต เป็นเมืองที่มีศัยภาพและกำลังซื้อมหาศาล
จากนั้นในปี 2561 ได้เปิดศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า เพื่อรองรับรูปแบบการใช้ชีวิตพักผ่อนระดับหรู (Luxury Lifestyle) ในกลุ่มนักเดินทาง/ท่องเที่ยวที่เข้ามาในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเทียบชั้นเมืองชายทะเลระดับโลกอย่าง ริเวียร่า, ซานโตรินี, ไมอามี่บีช และฮาวาย
“การลงทุนของเซ็นทรัล ในภูเก็ตตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่วางไว้หลายปีก่อน เพื่อทำให้เซ็นทรัล ภูเก็ตเป็น The World's Luxury Magnitude ที่สอดคล้องกับการพัฒนาของเมือง และตอบรับแผนยุทธศาสตร์ภาครัฐที่ต้องการพัฒนาให้ภูเก็ตเป็น Top Destination for Global Jetsetter" ดึงดูดกำลังซื้อสูงทั่วโลก” ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าว
ขณะที่ ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า’ ถือเป็น World-class luxury mall แห่งเดียวใจกลางภูเก็ตด้วยแบรนด์ลักซูรี่ระดับโลกต่างๆ และเป็นจิ๊กซอว์สำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพจาก 'Quantity to Quality spending' ซึ่งเป็นนโยบายที่ทั้งภาครัฐ-เอกชนจะร่วมกันทำให้ภูเก็ตไม่มีช่วงโลว์ซีซัน เที่ยวได้-จับจ่ายได้ตลอดทั้งปี โดยปัจจุบันศูนย์การค้าเติบโตต่อเนื่อง และมีทราฟฟิกดีกว่าช่วงก่อนโควิดถึง 30%
ด้าน วิไลพร ปิติมานะอารี ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานปฎิบัติการสาขาภูเก็ต บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภูเก็ต นับเป็นจังหวัดที่สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ* ในปี 2566 ภูเก็ตสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดถึง 380,000 ล้านบาท และในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวที่ 450,000 ล้านบาท
โดยสิ้นปีนี้ คาดมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตกว่า 12 ล้านคน คิดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ* ซึ่ง ภูเก็ต ถือเป็น "บ้านหลังที่สอง" ของเศรษฐีชาวไทยและต่างชาติ หรือ Asia's Richest Beach Residential ด้วย Infrastructure ที่พร้อมรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ทั้งแผนขยายสนามบินภูเก็ต เฟส 2 ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572 มีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ โรงพยาบาล, โรงเรียนนานาชาติ, ท่าเรือยอร์ช, สนามกอล์ฟ และ Private Jet เป็นต้น และเซ็นทรัล ภูเก็ต จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มเมืองตอบโจทย์ของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริม Sustainable Economy ให้ภูเก็ตเป็น Hub ระดับโลกในหลายมิติ อาทิ Culinary, Medical & Wellness, Sport Tourism, education, Smart city, Marina และ MICE อีกด้วย"
3 กลยุทธ์ปั้นเซ็นทรัล ภูเก็ตเป็น The World's Luxury Magnitude
กลยุทธ์ที่ 1: Exhibition of World-Class Luxury Brands รวม 14 แบรนด์หรูชั้นนำ ครบที่สุดนอกกรุงเทพฯ ตอกย้ำเดสติเนชั่นสำคัญที่แบรนด์ดังเลือกปักหมุด ได้แก่
- BALENCIAGA
- BOTTEGA VENETA
- BURBERRY
- CHRISTIAN LOUBOUTIN
- DIOR
- GUCCI
- HERMÈS
- LOUIS VUITTON
- OMEGA
- PMT THE HOUR GLASS
- SAINT LAURENT
- VERSACE
- ZEGNA
- PRADA ที่เตรียมเปิดให้บริการในปีนี้
นอกจากนี้ ยังมี Exclusive Beach Collection: รวม Exclusive item ที่จะมีแค่ในเมืองท่องเที่ยวชายทะเลระดับโลกอย่าง ซานโตรินี ไมอามี่บีช ริเวียร่า ฮาวาย ซิดนีย์ ดูไบ ฮ่องกง
ยอดขายดี ติดอันดับโลก: โดยหลายแบรนด์ประสบความสำเร็จมียอดขายติดอันดับสูงสุดที่เซ็นทรัล ภูเก็ต และในบางสินค้าสามารถทำยอดขายติดอันดับเป็น Top Rank ของโลก
Store Expansion: หลายแบรนด์เตรียมขยายพื้นที่ร้านเกือบเท่าตัวภายในปลายปี 67 และจะมีแบรนด์ที่เตรียมจะเพิ่มขนาดร้านค้าให้ใหญ่กว่าเดิม
Luxury Zone Expansion: เซ็นทรัล ภูเก็ต เตรียมขยายพื้นที่โซนลักซูรี จากปัจจุบัน 2,000 ตร.ม. เป็น 8,000 ตร.ม. ในปี 2026 (4 เท่า) เพื่อรองรับการเปิดตัวของอีกหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ
ทั้งนี้ฐานข้อมูล The1 ชี้ให้เห็นว่าลูกค้าของเซ็นทรัล ภูเก็ต มียอดใช้จ่ายต่อคนสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนาทั่วประเทศ โดยลูกค้า Wealth Segment ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต มีการใช้จ่ายสูงกว่าลูกค้า Wealth ของสาขาอื่นๆ ถึง 45% สะท้อนการเติบโตของตลาดสินค้าลักซูรีในไทยที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.6 แสนล้านบาท โดยตลาด Luxury ไทยขยายตัวถึง 5.62% จนถึงปี 2028 คาดว่าจะแซงหน้าตลาดสิงคโปร์
กลยุทธ์ที่ 2: Experience the Exceptional
ภูเก็ต มอบประสบการณ์ระดับไฮเอนด์ที่ดีไซน์เฉพาะกลุ่มลูกค้า VVIP อาทิ Club ที่มี Luxury Services สำหรับ VVIP ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกระดับ Tycoon & Millionaire กว่า 2,300 คน ที่จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ Butler แห่งแรกในไทย, บริการ Luxe Limo Service และ Excusive Dining ที่ Su Va Na Restaurant เป็นต้น
- The Ultimate Dining Experience จากร้านดังต่างๆ มอาทิ Su Va Na Restaurant ,Thai Brasserie By Blue Elephant, Starbucks Reserve ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต รวมไปถึง %Arabica และ Haidilao สาขาแรกนอกกรุงเทพฯ
- World-class Attraction ด้วย Aquaria Phuket อควาเรียมล้ำสมัยที่สุดในภูเก็ต และเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย , ร้าน 'Good Goods' จำหน่ายสินค้าสะท้อนเอกลักษณ์ไทย
- Exquisite Design การออกแบบที่ผสมผสานเรื่องราวของวรรณคดีและงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและเสน่ห์ของเมืองภูเก็ต
- นอกจากนี้เซ็นทรัลภูเก็ต ยังรวมแบรนด์ Lifestyle ระดับโลกที่ขยายสาขาออกนอกกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก เช่น COACH, KATE SPADE, KENZO, MICHAEL KORS, SAMSONITE, LUSH เป็นต้น
กลยุทธ์ที่ 3: Excite the World
สร้างสรรค์อีเวนต์และเทศกาลระดับโลกจัดต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก เช่น เทศกาลสงกรานต์, Pride Month, Countdown และยังรวมไปถึง Art exhibition ที่รวบรวมศิลปินแถวหน้าจากทั่วโลก ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเพิ่มสีสันทุกเดือน ให้ภูเก็ตเป็น Art Destination Landmarks
ทั้งหมดนี้จะช่วยตอบโจทย์ของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริม Sustainable Economy ให้ภูเก็ตเป็น Hub ระดับโลกในหลายด้าน อาทิ Culinary, Medical & Wellness, Sport Tourism, education, Smart city, Marina และ MICE อีกด้วย
โดย ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีการลงทุนในภูเก็ตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ ประกอบด้วย 4 ศูนย์การค้า, 5 ห้างสรรพสินค้า, 7 โรงแรม, 3 คอนโดมิเนียม รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่ม อาทิ ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ, บีเอ็นบี โฮม, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, Tops Food Hall, Tops Market, Tops Daily, Tops Vita เป็นต้น และเซ็นทรัลพัฒนามีศูนย์การค้าในภาคใต้ รวมทั้งหมด 5 แห่ง คือ เซ็นทรัล ภูเก็ต, สมุย, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช และหาดใหญ่