กกพ.เตรียมเคาะค่าไฟฟ้า งวด พ.ค.-ส.ค. ส่อแววตรึงอัตราเดิม 4.72 บาท/หน่วย ช่วยผู้ใช้ไฟบ้าน-ภาคธุรกิจ ชี้เหตุผลราคาเชื้อเพลิงแนวโน้มดีขึ้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วันนี้(22 มี.ค.) คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.)จะประชุมเพื่อพิจารณา แนวทางการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(เอฟที)รอบเดือนพ.ค.-ส.ค. 2566 โดยคํานึงถึงผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้า และข้อจํากัดด้านสถานภาพทางการเงินของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) หลังกำหนดกรณีศึกษาไว้ 3 ทางเลือกในการปรับค่าเอฟที พร้อมกับเปิดรับฟังความคิดเห็น ตั้งแต่วันที่ 10-20 มี.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้การเปิดรับฟังความเห็นในหลักความเป็นจริง ผู้ทำแบบสอบถามจะต้องเลือกอัตราค่าไฟฟ้าที่ถูกสุด หรือเสนอให้เก็บในอัตราเดิมคือ 4.72 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพให้กับประชาชนและภาคธุรกิจได้ แต่ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงการทยอยจ่ายหนี้สะสมของกฟผ. 1.5 แสนล้านบาท จากการเข้ามาช่วยดูแลค่าไฟฟ้าไม่ให้ปรับสูงขึ้น ตลอดจนสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันยังมีแนวโน้มที่ไม่แน่นอน ซึ่งอาจส่งผลทําให้มีภาระตุ้นทุนการผลิตไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นอีกได้
สำหรับ 3 แนวทางในการปรับค่าเอฟที กรณีที่ 1.ค่าเอฟทีเพิ่มขึ้น 63.37 สตางค์(สต.)ต่อหน่วย เรียกเก็บเงินชดเชยรคืนกฟผ.ทั้งหมดภายในเดือนส.ค. 2566 ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าบ้านที่อยู่อาศัยเฉลี่ย(ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.72 บาทต่อหน่วย จากอัตราเดิม 4.72 บาทต่อหน่วย และค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ เพิ่มขึ้น 5.33 สต.ต่ออหน่วย
กรณีที่ 2 จ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างให้กฟผ. 5 งวด ค่าเอฟทีปรับขึ้น63.37 สต.ต่อหน่วย จ่ายคืนกฟผ.บางส่วนจํานวน 41.88 สต.ต่อหน่วย (คิดเป็นเงิน 27,337 ล้านบาท) เพื่อให้ กฟผ. ได้รับเงินคืนครบภายในเดือนธันวาคม 2567 ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.84 บาทต่อหน่วย
กรณีที่ 3 ค่าเอฟทีอยู่ที่ 63.37 สต.ต่อหน่วย กำหนดจ่ายเงินคืนกฟผ.ใน 6 งวดๆละ 22,781 ล้านบาท เพื่อให้ กฟผ. ได้รับเงินคืนครบภายใน 2 ปี คือเดือนเมษายน 2568 ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4.77 บาทต่อหน่วย
“หลักการพิจารณาค่าไฟฟ้ารอบนี้ จะนำผลสำรวจแบบสอบถามมาหารือร่วมกัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเลือกการตรึงค่าไฟฟ้าไว้ในอัตราเท่าเดิมคือ 4.72 บาทต่อหน่วย เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบประกอบกับกำลังเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้ง ควรมีมาตรการที่ช่วยดูแลค่าครองชีพให้กับคนไทยไว้ด้วย”