บสย. เดินหน้าค้ำประกันวงเงิน 50,000 ล้านบาท เพิ่มสภาพคล่อง SMEs ฟื้นเศรษฐกิจ ฉีดเม็ดเงินเข้าระบบกว่า 200,000 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการได้สินเชื่อใหม่กว่า 77,000 ราย
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และ 18 สถาบันการเงิน โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 (Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 11) “บสย. SMEs ยั่งยืน” ตาม มติ ครม. อนุมัติ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 วงเงินค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท พร้อมด้วย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมงาน โดยมี นายสุพัฒน์ เมธีวรพจน์ ประธานกรรมการ บสย. นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. ให้การต้อนรับ
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า บสย. เป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐ เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นหลักประกัน “ค้ำประกันสินเชื่อ” ให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ ซึ่งปัจจุบันมี SMEs ในระบบกว่า 3.2 ล้านราย สร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ร้อยละ 35.2 ของ GDP และมีสัดส่วนการจ้างงานถึง 70% แต่ที่ผ่านมายังมี SMEs ในระบบจำนวนมากเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ เพราะขาดหลักประกัน จึงต้องพึ่งพาเงินทุนนอกระบบ
ตลอดระยะเวลา 33 ปีที่ผ่านมา กระทรวงการคลังใช้กลไกค้ำประกันร่วมกับการดำเนินมาตรการหลายมาตรการ ที่ช่วยให้ SMEs เข้าถึงสินเชื่อและแหล่งทุน ผ่านกลไกค้ำประกันสินเชื่อ มากกว่า 850,000 ราย คิดเป็นวงเงินค้ำประกันสะสมกว่า 1.5 ล้านล้านบาท สร้างสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินกว่า 1.98 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ปี 2563-2566 ซึ่งเกิดภาวะเศรษฐกิจหดตัว SMEs มีปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุน ผิดนัดชำระหนี้ แต่โครงการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ได้ช่วยเติมทุน ชุบชีวิตให้ SMEs ได้สินเชื่อกว่า 400,000 ราย และในปีนี้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการของกระทรวงการคลัง จะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เพิ่มสภาพคล่อง สร้างความมั่นคงต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” เป็นมาตรการของกระทรวงการคลัง เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง SMEs มั่นใจว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จดีเยี่ยม ช่วย SMEs ได้สินเชื่อกว่า 77,000 ราย สร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกว่า 200,000 ล้านบาท สร้างสินเชื่อในระบบกว่า 60,000 ล้านบาท และรักษาการจ้างงานงานไม่น้อยกว่า 550,000 ตำแหน่ง เช่นเดียวกับการให้ความช่วยเหลือ SMEs ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงปี 2563 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ บสย. สามารถช่วยผู้ประกอบการมากถึง 437,000 ราย คิดเป็นเม็ดเงินค้ำประกันมากกว่า 6.6 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นกลุ่ม Micro SMEs กว่า 375,000 ราย (คิดเป็น 86%)
โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” ครอบคลุม 8 กลุ่มอุตสาหกรรมภายใต้ยุทธศาสตร์ IGNITE Thailand ท่องเที่ยว การแพทย์และสุขภาพ อาหาร การบิน การขนส่ง การผลิตยานยนต์ เศรษฐกิจดิจิทัลและการเงิน ทั้งนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา สนับสนุนค้ำประกันสินเชื่อกลุ่มเปราะบาง เริ่มกิจการใหม่ ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (BCG/ ESG) มุ่งปรับตัวเข้าสู่สังคม Carbon ต่ำ ประกอบด้วย 5 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
1. โครงการ Smart Gen ฟรีค่าธรรมเนียม 2 ปีแรก กลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการรายย่อยที่เปิดกิจการใหม่ (อายุไม่เกิน 3 ปี) ค้ำประกัน 10,000 - 500,000 บาทต่อราย
2. โครงการ Small Biz ฟรีค่าธรรมเนียม 2 ปีแรก กลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการรายย่อยกลุ่ม Micro กลุ่มฐานราก ค้ำประกัน 10,000 -200,000 บาทต่อราย
3. โครงการ Ignite One ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก กลุ่มเป้าหมาย “บุคคลธรรมดา” ที่ดำเนินธุรกิจ 8 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ค้ำประกัน 200,000 - 5 ล้านบาทต่อราย
4. โครงการ Ignite Biz ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก กลุ่มเป้าหมาย “นิติบุคคล” ที่ประกอบธุรกิจ 8 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ค้ำประกัน 200,000 - 10 ล้านบาทต่อราย
5. โครงการ Smart Green ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปีแรก กลุ่มเป้าหมาย ผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (BCG) และธุรกิจเพื่อสังคม (ESG) ค้ำประกัน 1 - 40 ล้านบาทต่อราย
ทั้งนี้ บสย. โดยศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs และ บสย. สำนักงานเขต 11 แห่งทั่วประเทศ ร่วมปลดล็อก SMEs พลิกฟื้นธุรกิจ สู่ความยั่งยืน พร้อมให้คำปรึกษาการขอสินเชื่อ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” เปิดรับคำขอค้ำประกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอรับคำปรึกษาและตรวจสุขภาพทางการเงินเพื่อเตรียมพร้อมก่อนยื่นขอสินเชื่อ ฟรี..ไม่มีค่าใช้จ่าย ผ่าน Line OA : @tcgfirst