เมเจอร์ฯ พลิกกลยุทธ์อสังหาฯ ใช้แผน JV ต่างชาติลดเสี่ยงธุรกิจ ปรับพอร์ตใหม่สินค้าเพิ่มแนวราบ ลดคอนโด

เมเจอร์ฯ พลิกกลยุทธ์อสังหาฯ ใช้แผน JV ต่างชาติลดเสี่ยงธุรกิจ ปรับพอร์ตใหม่สินค้าเพิ่มแนวราบ ลดคอนโด
เมเจอร์ฯ ใช้สูตรกิจการร่วมทุนพันธมิตรต่างชาติ บริหารความเสี่ยงธุรกิจหนีอัตราดอกเบี้ยสูง พร้อมใช้กลยุทธ์ ‘ทำเล'ขับเคลื่อนโปรดักส์ เปิดแบรนด์ใหม่ทาวน์โฮมหรู ‘มิลฟอร์ด’ หนุนยอดขายแตะ7 พันล.สิ้นปี67

นฑา กิตติอักษร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของเมเจอร์ฯ จากนี้ไปจะบริหารความเสี่ยงให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดต่อการพัฒนาโครงการอสังหาฯ โดยจะขยายความร่วมมือทางธุรกิจในรูปแบบกิจการร่วมค้ากับพันธมิตร (JV)ต่างประเทศ ในโครงการฯใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ล่าสุดเตรียมร่วมกับ ‘Mori Trust’ ผู้พัฒนาอสังหาฯตระกูลเก่าแก่รายใหญ่ ประเทศญี่ปุ่น พัฒนา 2 โครงการที่อยู่อาศัยใหม่รวมมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2,000 ล้านบาทในโครงการแรกตั้งบนทำเลกรุงเทพฯกรีฑา และอีกหนึ่งโครงการมูลกว่า 1,000 ล้านบาท

“โครงการใหม่ที่เมเจอร์ฯ เตรียมเจวีกับ โมริ ทรัสต์ ถือเป็นโปรเจกต์แรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้การลงทุนในสัดส่วนเท่ากันในแต่ละโครงการ และด้วยกลยุทธ์เจวีกับพาร์ทเนอร์ดังกล่าว ยังจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจลดความเสี่ยงและเสียอัตราดอกเบี้ยน้อยลงจากการมีผู้ร่วมทุนมากขึ้น เมื่อเทียบกับการขอสินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงิน” นฑา กล่าว

พร้อมเสริมว่า “การเข้ามาขยายการลงทุนของพันธมิตรญี่ปุ่นรายดังกล่าว ด้วยมองเห็นศักยภาพและโอกาสในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยโดยเฉพาะในระดับไฮเอนด์ ที่มีแนวโน้มความต้องการในตลาดอย่างต่อและได้รับผลกระทบน้อยสุดในตลาดอสังหาฯ”

ทั้งนี้ การร่วมลงทุนกับพันธมิตรจะดำการผ่านนิติบุคคลเฉพาะกิจ ก่อนจัดซื้อที่ดินมาพัฒนาโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีกลุ่มนักลงทุนที่เข้าร่วมลงทุนแล้ว จาก 4 ประเทศ คือ สิงคโปร์ เกาหลี อิสราเอล และ ญี่ปุ่น   

นฑา กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ปรับพอร์ตการพัฒนาโครงการอสังหาฯใหม่ ในโครงการแนวราบจะมีสัดส่วนเป็น 40% และ แนวสูงอยู่ที่ 60 % คาดเห็นความชัดเจนในปี 2569-2570 จากเดิมมีสัดส่วนอยู่ที่ 10% และ 90% ตามลำดับ ด้วยแผนดังกล่าวจะผลักดันให้บริษัทฯ มียอดรับรู้และผลประกอบการที่คืนกลับมาเร็วขึ้นเมื่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนในแต่ละยูนิต เมื่อเทียบกับโครงการคอนโดมีเนียมแนวสูง

ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการแนวราบแบรนด์ใหม่ล่าสุด คือ ‘มิลฟอร์ด’ (MILFORD) วางตำแหน่งการทำตลาดเซ็กมนต์ ‘ไพรเวต ลักชูรี ทาวน์โฮม’ เพื่อเสริมพอร์ต ‘เวลเนส ลักชูรี (Wellness Luxury)’ โดยพัฒนใน 2 ทำเล คือ

  • มิลฟอร์ด ลาดพร้าว–รามคำแหง (MILFORD Ladprao – Ramkhamhaeng)  
  • มิลฟอร์ด โฮม สตูดิโอ ลาดพร้าว (Milford Private Home Studio Ladprao)

สำหรับโครงการ มิลฟอร์ด ลาดพร้าว–รามคำแหง มีความน่าสนใจบนทำเลต่อกับทั้งถนนลาดพร้าว ถนนรามคำแหง และถนนประดิษฐ์มนูธรรม และเส้นทางที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ สายสีส้มและสีเหลือง อีกทั้งยังเชื่อมต่อถนนหลัก 3 สาย ได้แก่ ถนนรามคำแหง ถนนลาดพร้าว นอกเหนือจากแวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกใจกลางเมืองด้านที่อยู่อาศัย

“จากการวิเคราะห์ทำเล พบว่าในโซนนี้แทบไม่มีซัพพลายเหลือขายสำหรับแนวราบโดยเฉพาะโครงการทาวน์โฮม ซึ่งเป็นจุดขายของมิลฟอร์ด บนทำเลขนาด12 ไร่นี้ ซึ่งเมเจอร์ฯ ได้ซื้อไว้ตั้งแต่ 5-6 ปีก่อน ถึงปัจจุบันมูลค่าที่ดินในย่านขยับขึ้นราว 30% เฉลี่ยราคาที่ดินอยู่ที่ 2ถึง2.5 แสนบาทต่อตารางวา” นฑา กล่าว  

โดยโครงการวางระดับราคาเริ่มต้น 18-30 ล้านบาท มีขนาดตั้งแต่ 24.5 – 72 ตารางวา และพื้นที่ใช้สอยกว่า 237 – 498 ตารางเมตร มีจำนวน 84 ยูนิต โดยพื้นที่ภายในถูกแบ่งสัดส่วนออกเป็น 3.5 ชั้น ฟังก์ชันครบ 3-5 ห้องนอน ให้เลือกรูปแบบการอยู่อาศัยได้ตามต้องการ ได้แก่

  • ชั้นหนึ่งกับการดีไซน์ห้องรับแขกที่เน้นความโปร่งสบาย ด้วยความสูงแบบ Double Volume ถึง 5.85
  • ชั้นลอย (Mezzanine) ถึงชั้น 3 ถูกแบ่งพื้นที่เป็นสองส่วนทั้งห้องด้านหลังและด้านหน้า

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ อาทิ ลิฟต์โดยสารภายในอาคาร* และพื้นที่ส่วนกลาง คลับเฮาส์ (Clubhouse) 3 ชั้น ครบครันทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำ Co-working Space และพื้นที่สีเขียวกับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ พร้อมแบ่งพื้นที่ ‘Pet Park’ สำหรับคนเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ

“โครงการฯ จับกลุ่มเป้าหมายคนทำงานเจนเนอเรชันวาย และ กลุ่มเจ้าของธุรกิจที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ รวมทั้งในกลุ่มเริ่มสร้างครอบครัวที่มองหาที่อยู่อาศัยใกล้กับสถานศึกษาของลูกหลาน” นฑา กล่าวพร้อมเสริมว่า  

สำหรับโครงการมิลฟอร์ด โฮม สตูดิโอ ลาดพร้าว (Milford Private Home Studio Ladprao) ให้ความเป็นส่วนตัวทั้งด้านดีไซน์และฟังก์ชัน เพื่อให้ปรับเปลี่ยนได้หลากสไตล์ ทั้ง Home Office หรือ Studio ด้วยพื้นที่จอดรถสูงสุดถึง 6 คัน บนพื้นที่เริ่มต้น 29.1 - 39.2 ตารางวา และพื้นที่ใช้สอยกว่า 329 – 331 ตารางเมตร เชื่อมต่อพื้นที่ทั้งถนนลาดพร้าว รัชดาภิเษก และวิภาวดี - รังสิต

โดย เมเจอร์ฯ  ดีเวลลอปเม้นท์ เตรียมเปิดพรีเซลพร้อมโปรโมชันพิเศษ ส่วนลดสูงสุดถึง 500,000 บาท สำหรับผู้ที่สนใจเข้ามาเยี่ยมชมและจองโครงการ มิลฟอร์ด ลาดพร้าว - รามคำแหง (MILFORD Ladprao – Ramkhamhaeng) ระหว่างวันที่ 17 – 18 สิงหาคม 2567

นฑา กล่าวว่า “บริษัทเชื่อมั่นในโลเกชัน ดริฟเว่น ซึ่งจะเป็นคีย์สำคัญในการพัฒนาโครงการฯ เพื่อดึงดูดความต้องการของลูกค้าในอนาคต โดยนับจากนี้ถึงปี 2568 บริษัทจะเปิดอีก  6  โครงการแบ่งเป็นแนวราบ 3 โครงการ และแนวสูง 3 โครงการ โดยในครึ่งปีแรกมียอดขาย5,000 ล้านบาท  เติบโต150% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี2566 และคาดว่าจะได้ยอดขายตามเป้าหมาย 7,000 ล้านบาทในสิ้นปี 2567 พร้อมพลิกกลับมามีกำไร ในปี 2568 อีกครั้ง”  

TAGS: #เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์ #อสังหาริมทรัพย์ #ทาวน์โฮม #คอนโด #กลยุทธ์