NOBLE กางแผนเปิด 10 โครงการ มูลค่ารวม 2.3_ หมื่นลบ. ดันรายได้ปีนี้แตะ 1.5 หมื่นลบ.

NOBLE กางแผนเปิด 10 โครงการ มูลค่ารวม 2.3_ หมื่นลบ. ดันรายได้ปีนี้แตะ 1.5 หมื่นลบ.
NOBLE กาแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 23,300 ล้านบาท มุ่งขยายพอร์ตแนวราบเพิ่ม พร้อมวางเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ 23,000 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 15,000 ล้านบาท

 

ธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) “NOBLE” เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2566 จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2565 โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 23,300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท และโครงการประเภทแนวสูงจำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,900 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีสินค้ารองรับความต้องการอยู่อาศัยของผู้บริโภคในทุกสถานะการก่อสร้าง โดยมีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) ในปี 2566 มูลค่ารวมประมาณ 11,300 ล้านบาท และสินค้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างมูลค่ารวมประมาณ 18,700 ล้านบาท

ขณะที่ บริษัทฯวางเป้ายอดขาย (Pre-sale) ไว้ที่23,000 ล้านบาท ส่วนการเติบโตของรายได้รวมที่ระดับ 15,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท รับรู้รายได้ปีนี้ราว 13,000 ล้านบาท ในปีนี้วางงบซื้อที่ดิน 3,000-4,000 ล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังได้ประเมินภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ว่าเศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันของโรคโควิด-19 ประกอบกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของไทยในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ดี เกิดการจ้างงานมากขึ้น ส่งผลให้ประชากรภายในประเทศมีกำลังซื้อเพิ่มสูงขึ้น

ขณะที่ล่าสุดรัฐบาลจีนก็มีการประกาศปลดล็อคและเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยบวกใหม่ที่จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยคึกคักมากขึ้น และจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยด้วยจากการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยของนักท่องเที่ยวชาวจีน

ซึ่งในปีที่ผ่านมาสัดส่วนลูกค้าจีนของบริษัทฯได้ปรับตัวลดลงเหลือเพียง 20% เท่านั้น จากเดิมมีสัดส่วนอยู่ที่ 75% แต่อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาบริษัทฯมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติจากประเทศอื่นมาทดแทนลูกค้าจีนที่หายไป เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย เมียนมาร์ และในปี 2566 ลูกค้าจากประเทศเหล่านี้ยังคงอยู่ และบริษัทฯยังได้ลูกค้าจีนซึ่งเดิมนั้นเป็นฐานลูกค้าหลักกลับมาสนับสนุนด้วยเช่นกัน

“ภาพเศรษฐกิจไทยปีก่อนน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว ส่วนปีนี้ถือว่าเป็นปีไม่เลวร้ายเกินไป ปัจจัยท้าทายเรื่องของโควิดที่ทำกลังเข้าสู่ปกติ และเรื่องของภาวะเงินเฟ้อที่กดดันให้ธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ต้นทุนขึ้น กำลังซื้อหด แต่อย่างไรก็ดีประเทศไทยเราเป็นอันดับต้นๆที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้น้อยที่สุด เพราะไทยปรับตัวน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นน้อย โดยดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.75% ในปีก่อน และปีนี้คิดว่าน่าจะเพิ่มเป็น 2% และหยุดอยู่ตรงนี้ ดังนั้นทำให้ส่งผลกระทบต่อลูกค้าเราน้อยมาก”  ธงชัย  กล่าว

 

 

 

TAGS: #NOBLE #property