ไทย-จีน ถกร่วมเวที ซับ-คอมมิทตี หวังเพิ่มส่งออก โคมีชีวิต- ผลไม้ – ข้าว ขณะที่อ้าแขนรับนักลงทุนในอีอีซี ปักธงอุตสาหกรรมเป้าหมาย อีวี – สินค้าไฮเทคโนโลยี หุ่นยนต์
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้เข้าร่วมประชุมคณะอนุกรรมาธิการว่าด้วยการค้าและการลงทุน หรือ “ซับ-คอมมิทตี ไทย-จีน” ครั้งที่ 3 ณ กรุงเทพมหานคร โดยไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ซึ่งมีโอกาสได้หารือร่วมกับนายหลี่ เฟย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน ในประเด็นการค้าการลงทุนที่อยู่ในความสนใจของทั้งสองฝ่าย โดยไทยต้องการสร้างความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างกัน เนื่องจากปัจจุบัน จีนเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรอันดับหนึ่งของไทย
ทั้งนี้ผลักดันให้จีนเร่งเปิดตลาดสินค้าสำคัญ อาทิ โคมีชีวิต ผลไม้ (สละและอินทผาลัม) เพิ่มการนำเข้าข้าวจากไทย ตลอดจนเร่งพัฒนาด่านท่าเรือกวนเหล่ยในมณฑลยูนนานให้เป็น ‘ด่านจำเพาะสำหรับการนำเข้าผลไม้’ เพื่อเพิ่มช่องทางการขนส่งผลไม้ส่งออกจากไทยไปจีน
นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์สองฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน และความตกลง ‘อาร์เซ็ป’ อย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
“ได้แจ้งกับฝ่ายจีนว่า กระทรวงพาณิชย์จะนำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (CAEXPO) ในเดือนกันยายน ที่เมืองหนานหนิง งานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) ที่นครเซี่ยงไฮ้ ในเดือนพฤศจิกายน และงานการค้าดิจิทัลโลก (Global Trade Digital Expo) ปีนี้ เพื่อนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพของไทย และมั่นใจว่าจะช่วยขยายการส่งออกของไทยไปจีนได้เพิ่มขึ้น”
นายสุชาติ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ฝ่ายจีนให้ความสำคัญเรื่องการลงทุนในไทยอย่างมาก ซึ่งตนได้เชิญชวนให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จีนมีศักยภาพ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ พลังงานทดแทน ดิจิทัล หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลได้ต่อยอดนโยบาย “อีวี 3.5” ที่สนับสนุนผู้ลงทุนต่างชาติในหลายเรื่อง ทั้งการให้เงินอุดหนุน การลดภาษีศุลกากรและภาษีมูลค่าเพิ่ม
นอกจากนี้ยังผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่าง อีอีซี กับนักลงทุนจีนต่างๆ เช่น การสร้างความร่วมมือระหว่างนักลงทุนจีนกับสถาบันการศึกษาใน อีอีซี เพื่อสร้างบุคลากรรองรับภาคอุตสาหกรรมในระยะยาว
การส่งเสริมความร่วมมือระหว่าง อีอีซี กับเขตเศรษฐกิจพิเศษที่สำคัญของจีน อาทิ เขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area) หรือ จีบีเอ และเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี (Yangzte River Delta) หรือ วายอาร์ดี เป็นต้น
ปัจจุบันจีนเป็นนักลงทุนอันดับต้นของไทย โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2562-2566) มีโครงการที่จีนได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนจำนวนประมาณ 900 โครงการ คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 9,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตามการประชุมคณะอนุกรรมาธิการว่าด้วยการค้าและการลงทุนเป็นเวทีสำคัญที่ไทยได้ผลักดันประเด็นส่งเสริมการค้า ตลอดจนแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้ากับจีนให้กับผู้ประกอบการไทย และยังเป็นช่องทางในการหารือเพื่อดึงดูดการลงทุนจากจีน อันจะนำไปสู่การขยายการค้าและการลงทุนระหว่างไทย-จีน อย่างยั่งยืนต่อไป