สศอ. เกาะติดปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง วิกฤตเงินเฟ้อฉุดออเดอร์สินค้า หวังดีมานด์ในประเทศโต ท่องเที่ยวฟื้นชดเชยตลาด
นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 98.89 ปรับตัวลดลงร้อยละ0.45 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และลดลงร้อยละ 2.71 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 61.87
ทั้งนี้อุตสาหกรรมที่เน้นตลาดในประเทศ รวมถึงที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวหลายอุตสาหกรรมยังขยายตัวได้ดี ได้แก่ รถยนต์ การกลั่นน้ำมัน รถจักรยานยนต์ รองเท้า และกระเป๋า แม้การผลิตภาคอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบจากอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนแอลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังเปราะบาง โดยเฉพาะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐและยุโรป ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีในเดือนก.พ.ปี 2566 ได้แก่ น้ำตาล ขยายตัว ร้อยละ 23.46 จากน้ำตาลทรายดิบและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ เนื่องจากความต้องการบริโภคทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ประกอบกับผลผลิตอ้อยเข้าสู่โรงงานปีนี้มีปริมาณมากกว่าปีที่ผ่านมา
ด้านรถยนต์ขยายตัวร้อยละ 6.64 จากการได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้นในรถยนต์หลายรุ่น ทำให้สามารถผลิตได้เพิ่มขึ้น และผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.33 จากผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องบินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เพื่อใช้ในการเดินทางที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าสู่ประเทศมากขึ้น
ส่วนน้ำมันปาล์ม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 44.57 จากผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ โดยในปีนี้มีปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดจำนวนมาก รวมถึงมีการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของประเทศคู่ค้า เช่น อินเดีย จีน เป็นต้น
ขณะที่จักรยานยนต์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 27.99 จากความต้องการของตลาดใประเทศ และการส่งออก ประกอบกับปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตคลี่คลายมากกว่าปีก่อน
ทั้งนี้คาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.ยังทรงตัวหรือปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากอุปสงค์สินค้าในตลาดโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจประเทศสำคัญของโลกทั้งยุโรปและสหรัฐ
ขณะที่การบริโภคในประเทศยังขยายตัวได้จากอานิสงส์ของภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง รวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ และค่าระวางเรือปรับตัวลง ทำให้ต้นทุนในการผลิตภาคอุตสาหกรรมมีทิศทางลดลง
อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังและติดตาม ได้แก่ รายจ่ายของภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น วิกฤตการเงินและเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมถึงสงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐ จีน และประเทศพันธมิตร