ส่องหุ้นกู้แสนสิริ 6 เดือนหน้า กำหนดจ่ายคืนกว่าหมื่นล้านบาท ยักไหล่เตรียมขายหุ้นยกพอร์ต เดอะสแตนดาร์ดฯ ได้ 335 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เข้ากระเป๋าปลายปีนี้
อุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ และผู้ถือหุ้นใหญ่ Standard International (สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล) เครือโรงแรม The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) และ Bunkhouse (บังค์เฮาส์) เปิดเผยว่า ขณะนี้ SIRI อยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจากับ Hyatt (ไฮแอท) ผู้ประกอบการโรงแรมระดับโลก เพื่อเข้าลงทุนใน Standard International
สำหรับ การเข้าลงทุนซื้อกิจการ Standard International ของ Hyatt ครั้งนี้ จะส่งผลดีและสร้าง value added ต่อแสนสิริเป็นอย่างมาก เนื่องจาก Hyatt มีโครงสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็งทั่วโลก โดยเฉพาะโปรแกรมสมาชิก World of Hyatt ที่ประกอบไปด้วยสิทธิพิเศษและข้อเสนอมากมาย จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่พร็อพเพอร์ตี้ของแสนสิริ เนื่องจากดีลซื้อขายที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ แสนสิริยังคงเป็นเจ้าของพร็อพเพอร์ตี้ ประกอบไปด้วย
- The Standard, Hua Hin (เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน)
- The Standard Residences, Hua Hin (เดอะสแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน)
- The Peri Hotel, Hua Hin (เดอะ เภรี โฮเต็ลหัวหิน)
- The Peri Hotel, Khao Yai (เดอะ เภรี โฮเต็ล เขาใหญ่) แ
- The Manner โรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ ที่กำลังจะเปิดตัวในย่านโซโหของเมืองนิวยอร์กในเดือนกันยายน 2567
นอกจากนี้ แสนสิริยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจ Hospitality และมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ในอนาคตเช่นกัน
“ที่ผ่านมาแสนสิริได้รับการติดต่อจากเชนโรงแรมขนาดใหญ่ระดับโลกหลายแห่ง ซึ่งเราวิเคราะห์ว่ายังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดี เนื่องจากพิจารณาจังหวะโอกาส ปัจจัยพื้นฐาน สภาวะตลาด ตลอดจนนโยบายในการบริหารว่าสอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์ที่แสนสิริกำหนดไว้ คือการสร้างการเติบโตให้กับ Standard International ได้อย่างแข็งแกร่งและมีความมั่นคงในระยะยาว” อุทัย กล่าว
ขณะที่ ปัจจุบันโอกาสทางธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาขยายตัวอีกครั้ง จากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ส่งผลให้แนวโน้มความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเริ่มฟื้นกลับ ถือเป็นเวลาที่เหมาะสม มีโมเมนตัมเชิงบวกต่อภาพรวมของธุรกิจ
โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ของ Hyatt นอกจากจะสะท้อนถึงความสำเร็จในการลงทุน Standard International ของแสนสิริแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในหลากหลายด้านให้กับลูกค้าและทีมงานของ Standard International อีกด้วย
ทั้งนี้ สัญญาจะซื้อจะขายดังกล่าว ยังครอบคลุมสัญญาบริหารและแฟรนไชส์สำหรับโรงแรมมากถึง 21 แห่ง มีห้องรวมกันราว 2,000 ห้อง มีทั้งโรงแรมที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว อาทิ
- The Standard, London (เดอะ สแตนดาร์ด ลอนดอน)
- The Standard, High Line (เดอะ สแตนดาร์ด ไฮไลน์) ในเมืองนิวยอร์ก
- The Standard, Bangkok Mahanakhon (เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร)
- โรงแรมบูติค Hotel Saint Cecilia (โฮเทล เซนต์ เซซิเลีย) ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส
- Hotel San Cristóbal (โฮเทล ซาน คริสโตบัล) ในเมืองบาฮากาลิฟอร์เนีย ประเทศเม็กซิโก
โดยหลังจากที่บรรลุข้อตกลงตามสัญญาดังกล่าว Hyatt จะชำระค่าตอบแทนเริ่มแรกจำนวน 150 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มเติมอีกสูงสุดไม่เกิน 185 ล้านดอลลาร์ สำหรับโรงแรมแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารโดย Hyatt
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 แสนสิริมีผลงานยอดขายที่โดดเด่นจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของทางรัฐบาล ที่ทำให้ตลาดเริ่มกลับมามีสัญญาณบวก โดยสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 25,000 ล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าทั้งปีที่ 52,000 ล้านบาท
ในส่วนทางด้านรายได้ ครึ่งปีแรก ทำได้ร่วม 20,000 ล้านบาท คิดเป็น 47% ของเป้าทั้งปีที่ 43,000 บาท โตขึ้น 8% (เทียบ Year on Year) กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท เป็นอันดับ 1 ทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิเมื่อเทียบในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย
ทั้งนี้ หาก SIRI และ Hyatt บรรลุข้อตลงตามสัญญาฯดังกล่าวแล้ว ยังจะทำให้ SIRI มีรายรับเข้ามาไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท ขณะที่ บริษัทมีหุ้นกู้ที่เตรียมทยอยครบกำหนดในอีก 6 เดือนข้างหน้ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ดังนี้
- SIRI24DA มูลค่าการเสนอขาย 800 ล้านบาท ครบกำหนด 2 ธ.ค.67
- SIRI24DB มูลค่าการเสนอขาย 500 ล้านบาท ครบกำหนด 3 ธ.ค.67
- SIRI24OA มูลค่าการเสนอขาย 3,600 ล้านบาท ครบกำหนด 18 ต.ค. 67
- SIRI 252A มูลค่าการเสนอขาย 6,000 ล้านบาท ครบกำหนด 27 ส.ค. 68
- SIRI 252B มูลค่าการเสนอขาย 100 ล้านบาท ครบกำหนด 18 ก.พ. 68