‘เทลสกอร์’ เผยเศรษฐกิจอินฟลูเอ็นเซอร์ไทย ปี67 แตะ 4.5 หมื่นล.และโตทุกปี โอกาสอาชีพอินฟลูฯ ทั้งประจำและพาร์ทไทม์ ย้ำ ‘รีวิวขายสร้างการตลาดที่จริงใจ’ จะทำให้ครีเอเตอร์ไปต่อได้
สุวิดา จรัญวงศ์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เทลสกอร์ จำกัด ผู้ให้บริการ Influencer Marketing Automation Platform เปิดเผยว่าในปี 2567 ขนาดตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในประเทศไทย มีมูลค่าอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท (เป็นคนละตลาดกับการโฆษณาดิจิทัล ) มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 25-30% เทียบกับปี 2566 (YoY) มีจำนวนผู้ใช้โซเชียล มีเดีย ทั้งหมด 50 ล้านคน โดยในจำนวนนี้มีคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ทั้งที่เป็น Full-time และ Part-time อยู่ที่ 9 ล้านคน (แบ่งเป็น Full-time 2 ล้านคน) จากจำนวนประชากรไทยอยู่ที่ 70 ล้านคน
ทั้งนี้ ยังสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียและการใช้เวลาท่องโลกออนไลน์ของคนไทยที่มีอัตราสูงในอันดับต้นๆของโลก จากข้อมูลสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ระบุว่าประชากรไทยมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ราว 89.5%
ขณะที่ ขนาดตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์โลก มีมูลค่าราว 55 ล้านล้านบาท และข้อมูลจากสถิติของ Linktree ระบุปัจจุบันมีคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ราว 200 ล้านคนทั่วโลก หรือ3% ของประชากรโลก โดย TikTok แพลตฟอร์มเดียวสร้างงานและรายได้ให้คอนเทนต์ ครีเอเตอร์ในฝรั่งเศสได้ถึง 55,000 ล้านบาท ในปี 2566 ที่ผ่านมา (ฝรั่งเศามีขนาดเศรษฐกิจ (GDP) ใหญ่กว่าประเทศไทย 5 เท่า และมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียรน้อยกว่าไทย 8%) นอกจากนี้ ยูทูบ (YouTube) แพลตฟร์มเดียวยังสร้างงานและรายได้ให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ในฝรั่งเศสราว 26,000 ล้านบาท ในปี 2564
แนวโน้มดังกล่าว เป็นทิศทางเดียวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัล ครีเอเตอร์ในระดับโลก และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีตลาดอินฟลูเอ็นเซอร์ หรือ ดิจิทัล ครีเอเตอร์ ที่โดดเด่นและค่อนข้างใหญ่ว่าไทย คือ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และ มาเลเซีย จากหลายปัจจัยประกอบกัน อาทิ ขนาดประเทศ/อัตรากำลังซื้อของประชากรที่ใหญ่กว่าของอินโดนีเซีย ภาพรวมภูมิทัศน์สื่อ (Media Landscape) ในการนำเสนอข่าวสาร ของฟิลิปปินส์ เป็นต้น
2 ปัจจัยหนุน-Top3 สายครีเอเตอร์มาแรง
สุวิดา กล่าวต่อว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ที่ผ่านมาภาพรวมตลาดดิจิทัล ครีเอเตอร์ของไทยยังมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง จาก2 ปัจจัยหลัก คือ
- ความนิยมในสื่อดิจิทัล ที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะทรงตัว
- การตลาดดิจิทัล และ โซเชียลมีเดีย หันมาใช้เครื่องมือการตลาดที่หลากหลายที่เข้ามาผลักดันตลาดในภาพรวม
“แม้จะเติบโตแต่ทุกภาคส่วนแต่ยังแข่งขันกันมากขึ้น ด้วยเม็ดเงินจากแบรนด์ที่เข้ามาลงทุนในครีเอเตอร์ จะพิจารณามากขึ้น ที่นอกจากครีเอเตอร์สามารถสร้างยอดวิวแล้ว ขณะเดียวกันยังต้องขายของให้ได้หรือสามารถจับต้องได้จริงด้วย” สุวิดา กล่าว
ขณะที่ กลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในไทย ที่มีสัดส่วนมากที่สุด 3 อันดับแรกประกอบด้วย
- กลุ่มความสวยงามและสุขภาพ (Beauty & Health)
- รูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle) เช่น เดินทาง กิจกรรมคาเฟ่ ฮอปปิง
- บริการทางการเงิน (Finance)
โดยพบว่าในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมรถยนต์ มีแนวโน้มลดลง คาดเป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบกำลังซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ และการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปสู่รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ส่งผลให้แบรนด์/ผู้ประกอบการ ชะลอการใช้งบประมาณ
‘ครีเอเตอร์’ แข่งคอนเทนต์เบียดกันเอง
ขณะที่ ‘ความท้าทาย’ หลักของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ไทยในช่วงขณะนี้ คือ ศักยภาพการทำงาน (Performance) แม้ว่าจะสร้างยอดวิวได้สูงขึ้นในช่องทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแล้วก็ตาม แต่จากการแข่งขันที่สูงขึ้นของเหล่าครีเอเตอร์ทำให้คอนเทนต์เกิดการเบียดระหว่างกันเอง ซึ่งแบรนด์หรือเจ้าของสินค้าเห็นเป็นช่องว่างให้เข้ามาต่อรองราคา/งบประมาณ ในการจัดจ้างครีเอเตอร์ต่างๆ ซึ่งอาจทำให้ปีหน้าราคาเริ่มนิ่งขึ้น
จากแนวโน้มดังกล่าว ยังผลักดันให้ครีเอเตอร์ต้องแข่งขันการทำคอนเทนต์เพื่อแย่งชิง Viewership การรับชมให้ได้ ดังนั้นการสร้างคอนเทนต์ให้มีจุดเด่นที่อยู่ในหมวดเดียวกันกับครีเอเตอร์อื่นๆ เพื่อสร้างแรงดึงดูดใจให้ผู้ชมอยู่กับช่องของตัวเองไปยาวๆ ด้วยในอนาคตการได้เอนเกจเมนต์ (engagement) แบบออร์กานิกเพิ่มขึ้น 4-5% จะมีแนวโน้มได้ยากขึ้น
5 ดาวรุ่ง ดิจิทัล ครีเอเตอร์
ขณะที่ เทรนด์ ครีเอเตอร์ 5 อันดับแรกที่มาแรง (ดาวรุ่ง) ประกอบด้วย
1.News Creator (ครีเอเตอร์สายข่าว)
ด้วยปัจจุบันสายอาชีพสื่อสารมวลชนทั้งที่มีต้นสังกัดหรือนักข่าวอิสระ หันไปทำช่องคอนเทนต์ข่าวตัวเองมากขึ้น โดยนอาศัยจุดเด่นด้านความน่าเชื่อถือ ต่างจากครีเอเตอร์ สายอื่นที่เน้นความไว เป็นหลัก
2.Science Education Creator (ครีเอเตอร์สายความรู้ด้านวิทยาศาสตร์)
จากแนวโน้มความต้องการของตลาดผู้รับชมการศึกษาที่จะเข้ามาเพิ่มเติมจากในปัจจุบัน อาทิ ความรู้ด้านภาษาอังกฤษ หรือ อื่นๆ เป็นต้น
3.ผู้สูงวัย
ขยายตัวตามสังคมผู้สูงวัยในอนาคต
4.ครอบครัว
โดยมีสมาชิกเริ่มต้นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
5.รูปแบบการใช้ชีวิต (Lifestyle)
เสนอการเล่าเรื่องราวชีวิตตัวเองในแต่ละวัน
โดย ปัจจุบันเทลสกอร์มีฐานอินฟลูเอ็นเซอร์/ดิจิทัล ครีเอเตอร์ เพื่อเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ราว 8.5 หมื่นราย ขณะที่ปัจจุบันอัตราค่าจ้างอินฟูลฯ จะแตกต่างกันออกไปตามจำนวนผู้ติดตาม ดังนี้
- ผู้ติดตาม 5,000 คน (นาโน อินฟูลเอ็นเซอร์) หลัก 4,000-5,000 บาท
- ผู้ติดตาม 100,000 – 150,000 คน (แมคโคร อินฟูลเอ็นเซอร์) หลัก 10,000-20,000 บาท
- ผู้ติดตาม 150,000 คนขึ้นไป (ท็อป เทียร์/ดาวรุ่ง) หลัก 100,000 บาทขึ้นไป
สุวิดา กล่าวว่า “ปัจจุบันนักการตลาด หรือ แบรนด์ใช้งบสัดส่วน 30% ของงบประมาณการทำตลาดดิจิทัลสำหรับคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณชะลอตัว แต่จากการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดผลักดันให้ดิจิทัล ครีเอเตอร์ ต้องเร่งสร้างเพอร์ฟอร์แมนซ์ขึ้นมา โดยมองว่าคุณสมบัติของครีเอเตอร์ที่แบรนด์ต้องการ คือ ความเป็นธรรมชาติ หรือ real ด้วยการทำตลาดต้องมีความจริงใจทั้งกับคนดูและกับแบรนด์ เพื่อสร้างอิมแพ็คให้ได้ผลลัพธ์ให้กับสินค้าได้มากที่สุด”
จัดใหญ่งานสุดยอดอินฟูลฯ แห่งปี
สุวิดา เสริมว่า แพลตฟอร์ม Tellscore (www.tellscore.com) ร่วมกับ เดอะมอลล์ กรุ๊ป จัดงาน The Mall Lifestore Presents Thailand Influencer Awards 2024 by Tellscore งานประกาศรางวัลสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์และสุดยอดอินฟลูเอนเซอร์แคมเปญที่สร้างสรรค์โดยแบรนด์และเอเจนซี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 รวมทั้งสิ้น 59 สาขา ภายใต้แนวคิด The Future is Yours! ที่เน้นย้ำถึงศักยภาพอินฟลูเอนเซอร์และนักการตลาดที่มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางและสร้างสรรค์อนาคตของเศรษฐกิจไทย
โดยเฟ้นหาอินฟลูเอนเซอร์คุณภาพ ควบคู่กับการสร้างมาตรฐานและ คอมมูนิตี้อินฟลูเอนเซอร์ของประเทศไทยให้เข้มแข็งต่อยอดสู่การยกระดับสู่สากล โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรภาครัฐและเอกชนหลายภาคส่วนที่มีเป้าหมายเดียวกันในการสร้างเครือข่ายและเสริมศักยภาพวงการ อินฟลูเอนเซอร์ไทยทั้งระบบ ในวันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567 ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ
โดยยังเสริมมาตรฐานอินฟลูเอนเซอร์ 5 มิติ ที่ใช้เป็นเกณฑ์การตัดสินผู้ที่ได้รับรางวัลในงานครั้งนี้ ได้แก่
- รูปแบบและความคิดสร้างสรรค์ (Creativity)
- ลำดับและการเล่าเรื่อง (Storytelling)
- การเข้าถึงคนส่วนมากได้อย่างมีคุณภาพ (Impact)
- ตัวตน
- ศักยภาพในการเติบโตและการดูแลกลุ่มผู้ฟัง (Personal Branding & Community Building)
- สำนึกที่ดีต่อผู้ฟัง, สังคม และสิ่งแวดล้อม (Social Conscience)
นอกจากงาน The Mall Lifestore Presents Thailand Influencer Awards 2024 by Tellscore แล้ว เทลสกอร์ยังได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์จัดทำโครงการวิจัย Foresight ในหัวข้ออนาคตเศรษฐกิจคอนเทนต์ครีเอเตอร์ พ.ศ. 2578 (Futures of Content Creators 2035) เพื่อนำเสนอองค์ความรู้ด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจคอนเทนต์ ครีเอเตอร์
รวมทั้งจัดทำแคมเปญ Influencer for Change (Help You, Help Me) โครงการที่เปิดโอกาสให้หน่วยงานภาคสังคม เข้าร่วมนำเสนอโครงการ เพื่อรับการสนับสนุนสื่ออินฟลูเอนเซอร์คอนเทนต์ เพื่อช่วยในการประชาสัมพันธ์โครงการของหน่วยงานภาคสังคม โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยส่งแคมเปญหรือกิจกรรมรณรงค์ที่มีเป้าหมายแก้ไขปัญหาสังคมในด้านต่างๆ ผ่านกิจกรรม ‘Help You, Help Me’ ซึ่งทางเทลสกอร์ยังมองหาโอกาสและความร่วมมือในการต่อยอดแคมเปญดีๆ เพื่อพัฒนาวงการอินฟลูเอนเซอร์และสังคมต่อไป