‘เอเชีย’ กินส่วนแบ่งใหญ่สุดตลาดอาร์ตทอยโลก และกำลังซื้อกลุ่ม Kidult คนไทยน่าสนใจมากด้วยพร้อมเปย์ของเล่นเพื่อสะสมแบบครบเซ็ต ทำให้ ‘แอนิเทค’ เห็นช่องพาคาแรกเตอร์ซานริโอมาชิงกำลังซื้อ
โธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าไอที และ เครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยภายใต้แบรนด์ แอนิเทค (Anitech) กล่าวว่า ‘อาร์ตทอย’ สินค้าของเล่นในรูปแบบศิลปะจากดีไซน์เนอร์ กำลังเป็นกระแสความนิยมในทั่วโลก ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอาร์ตทอยโลกสูงถึง 8,517.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยงตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ในทวีปเอเชีย คิดเป็นมูลค่าสัดส่วนมากกว่า 50% ของตลาดรวมโลก
จากแนวโน้มดังกล่าว ยังสร้างโอกาสการทำตลาดอาร์ตทอยในไทยซึ่งมีศักภาพในการเติบโตอย่างรวดเร็วและกลุ่มผู้ซื้อมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด รวมถึงพฤติกรรมการซื้อแบบสะสมให้ครบทุกเซต ซึ่งแตกต่างไปจากผู้ซื้อประเทศอื่นๆ ที่ซื้อเพื่อความสนุกสนาน
“กระแสความนิยมของวงการอาร์ตทอยในไทย ยังสะท้อนการเติบโตสินค้าในกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้ใหญ่ หรือ Kidult ( Kid + Adult) ที่หลงใหลในการสะสมอาร์ตทอย ความนิยมนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่ในกลุ่มคนรักของเล่นเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์และการตกแต่งบ้าน” โธมัส- กล่าว
ล่าสุด บริษัทฯ ได้ทำการตลาดร่วม (Collaboration) กับ ซานริโอ เมอร์ชันไดซ์ ไลเซนส์ ระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น พร้อมใช้งบการตลาด 10 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ ‘anitech Sanrio ART N’JOY COLLABORATION’ เพื่อทำตลาดผ่านโปรดักส์กว่า 35 รายการเพื่อทำตลาดทั้งในและขยายไปยังตลาดต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้สินค้าไทย ผ่านการโปรโมทของแอนิเทค ด้วยการใช้แบรนด์ระดับโลกอย่าง Sanrio เพื่อเข้าถึงแฟนคลับในทุกช่วงวัยของแต่ละประเทศ
โธมัส เสริมว่า แนวทางธุรกิจดังกล่าว ถือเป็นก้าวสำคัญสู่ตลาดต่างประเทศ ด้วยการนำกระแสอาร์ตทอยที่กำลังเป็นที่นิยมในทั่วโลก มาร่วมตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดด้านอุปกรณ์คอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ ‘แอนิเทค’ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยสะท้อนความน่ารักของเหล่าตัวละครที่โด่งดังระดับตำนานแห่งวงการอาร์ตทอย ที่ครองใจแฟนคลับกลุ่ม Kidult ในทุกช่วงวัยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ขณะที่ ผลิตภัณฑ์ของแอนิเทค จะผสานระหว่างความสนุกและฟังก์ชันการใช้งานไว้อย่างลงตัว ทำให้ผลิตภัณฑ์มีเอกลักษณ์สูงกลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก โดยนำทำตลาดร่วมกับคาแรกเตอร์ต่างๆ ของ Sanrio ที่มีความหลากหลา ยทั้งการตัวละคร Kuromi และ Bad Badtz-Maru มาสร้างสรรค์เป็นคอลเลกชันใหม่ มาตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว ด้วยจุดขายทั้งฟังก์ชั่นและอีโมชั่น ที่จะผลักดันการทำตลาดในต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งได้ต่อยอดการทำตลาดภายใต้กลยุทธ์ Character Marketing เพื่อครองใจผู้บริโภคยุคปัจจุบันด้วย
“แอนิเทค ใช้เวลากว่า 2 ปี ในการคัดเลือกการ์ตูนระดับตำนานของซานริโอ ที่มีมากกว่า 400 คาแรกเตอร์ ก่อนออกมาเป็น Kuromi และ Bad Badtz-Maru ซึ่งยังคงมีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลาที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายแฟนคลับได้ทุกเพศและทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ที่อายุมากถึง 70 ปี” โธมัส กล่าว
สำหรับ สินค้าคอลเลกชั่น ‘anitech Sanrio ART N’JOY COLLABORATION’ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักได้แก่
- Computer Accessories
- Home Devices
- Home Appliances ประกอบไปด้วย รางปลั๊กไฟ, เมาส์ไวเลสไร้สาย 2.4 G และเมาส์ชนิดมีสายที่สัมผัสเบาสบายมือ, แผ่นรองเมาส์ สัมผัสพื้นผิวการใช้ที่ลื่นไหลมาพร้อมกับยางกันลื่น, ชุดคีย์บอร์ด และ เมาส์ แบบไร้สาย, กระทะไฟฟ้าอเนกประสงค์, หม้อต้มน้ำอเนกประสงค์ และ กาต้มน้ำไฟฟ้า
โดย ผลิตภัณฑ์คอลเลกชั่น ดังกล่าว ทำตลาดทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงทาง official store พร้อมวางเป้าหมายยอดขายตลอดแคมเปญไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
โธมัส กล่าวว่า “จากความสำเร็จต่อเนื่องของแคมเปญ anitech x PEANUTS คอลเลกชัน Snoopy ส่งผลให้ภาพรวมของบริษัทในครึ่งปีแรกเติบโตขึ้น โดยกลุ่มสินค้า own brand เติบโตขึ้น 20% ทดแทนสินค้าที่เป็นการรับจ้างผลิตที่มีรายได้ลดลง” พร้อมเสริมว่า “ส่วนช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นมากถึง 1,000% และยังคงมีแนวโน้มโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง”