UPM มองเศรษฐกิจอีอีซีเร่งตัวแรง ครึ่งแรกปี67 แตะ 179,984 ล.บาทโต 17% ด้าน HHR ปรับแผนบริการที่อยู่อาศัยสู้แข่งขันสูง มองมาตรการอสังหาฯ99ปี กระตุ้นแรงซื้อนักลงทุนต่างชาติ  

ดร. อรุณ ศิริจานุสรณ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จํากัด (UPM) เปิดเผยว่าภาพรวมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในครึ่งแรกปี 2567 มีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น จากปัจจัยคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เป้าหมาย (ชลบุรี ระยอง และ ฉะเชิงเทรา) มีเงินลงทุนรวม 179,984 ล้านบาท (ม.ค.-มิ.ย.67) เพิ่มขึ้น 17% (YoY) คิดเป็นจำนวน 562 โครงการ เพิ่มขึ้น 92% (YoY)

นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายการลงทุนของอีอีซีตามแผน 5ปี (2567-2571) ดังนี้ เจรจานักลงทุน 30 โครงการ วงเงิน 2.1 แสนล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการลงทุนเฉลี่ยปีละ1 แสนล้านบาท  โดยภายใน5ปีคาดมีการลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท (ไม่รวมโครงสร้างพื้นฐาน) ครอบคลุม 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ดังนี้

• การแพทย์ และสุขภาพ
• อุตสาหกรรมการบริการแห่งอนาคต
• ดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์
• ยานยนต์ไฟฟ้า (EV)
• บีซีจี (BCG)

ทั้งนี้ ยังมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานหลักในพื้นที่ ประกอบด้วย

1. โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งความคืบหน้าล้าสุด การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และเอกชนคู่สัญญาตกลงรับมอบพื้นที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
2. โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา
3. โครงการพัฒนาท่าเหบือมแหลมฉบัง รระยะที่3 ในส่วนท่าเทียบเรือ F
4. โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรรม มาบตาพุดระยะที่

ดร. อรุณ กล่าวต่อว่า “ปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุนพื้นที่อีอีซี ยังมาจากภาคการท่องเที่ยวที่เข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการอนุมัติ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 และการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ส่งผลให้การบริโภคและการลงทุนของภาครัฐในปีนี้ ขยายตัวมากกว่าปี66 ที่ผ่านมา"

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม จากเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวจากปัญหาหนี้สินในภาคอสังหาริมทรัพย์ และการชะลอตัวของผู้บริโภคในประเทศ กระทบเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาเศรษฐกิจจีนสูง รวมถึงปัญหาคามขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลกที่ส่งผลต่อราคาพลังงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยสุดท้าย จากสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยอยู่ในระดับสูง แนวโน้มหนี้คุณภาพลดลง  ส่งผลการบริโภคในประเทศเติบโตลดลง

ด้าน ปีณิตา ศิลปสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮมตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ ระดับหรู กล่าวเสริมว่า แนวโน้มการขยายตัวเศรษฐกิจอีอีซี ผลักดันความต้องการอยู่อาศัยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ในกลุ่มคนทำงานต่างถิ่น (Expat) ทั้งคนไทยและต่างชาติในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสายอาชีพวิศวกร และ ผู้บริการระดับสูง  

“ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนจากจีน จะเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อยู่อาศัยมีจำนวนเพิ่มขึ้น ตามแนวโน้มเดียวกับการเข้ามาลงทุนโรงงานอีวีหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้งชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในโซนอีอีซี ซึ่งมีพฤติกรรมมองหาเรสซิเดนซ์ตกแต่งพร้อมอยู่ เน้นความคุ้มค่าด้านราคา และมีความต้องการห้องพักตั้งแต่ 10-20 ห้องเพื่ออยู่อาศัยในระยะยาว เห็นได้ชัดในพื้นที่ตลาดศรีราชา และระยอง ซึ่งมีการแข่งขันสูง ซึ่ง HHR เจาะกลุ่มลูกค้าทั้งกคนไทยและต่างชาติ ที่เข้ามาพำนักอาศัยในโซนอีอีซี”  ปีณิตา กล่าว

แนวโน้มดังกล่าว ทำให้มีการแข่งขันของผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯจากส่วนกลาง เข้าไปพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรมที่พัก เซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ ในพื้นที่อีอีซี เป็นจำนวนมาก ขณะที่ผู้ประกอบการฯท้องถิ่นได้ปรับรูปแบบการให้บริการตามไปด้วย เช่น ให้บริการเช่าอยู่อาศัยระยะยาวในรูปแบบการเช่ารายเดือน/ปี จากเดิมให้บริการรายวัน เป็นต้น

โดยปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหรือผู้เช่ามีความต้องการอยู่อาศัยในระยะยาว ตั้งแต่ 6 เดือนถึง1 ปี ในกลุ่มสายอาชีพที่มีสัญญา (Contract) การทำงานในช่วงระยะเวลาการจ้างงานตามที่กำหนด ขณะที่กลุ่มผู้บริหารระดับสูง จะมีช่วงระยะเวลาการเช่าอยู่อาศัยที่นานกว่า โดย HHR วางสัดส่วนกลุ่มเป้าหมายออกเป็น Expat 30% กลุ่มโปรเจกต์ 30% และ กลุ่มคนไทย 40%

สำหรับภาพรวม HHR ในปัจจุบันมีพร๊อพเพอร์ตี้ให้บริการเซอร์วิส อพาร์ทเมนต์ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาในมือ (Pipeline)  ในอีก 3 หัวเมืองใหญ่ คือ ภูเก็ต เขาใหญ่ นครราชสีมา และ พัทยา ชลบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างคาดเสร็จใน2 ปี นอกจากนี้ยังมีโครงการในกรุงเทพฯ บนทำเลทองหล่อ และ พญาไท ที่เปิดขายไปแล้ว จากปัจจุบันมีจำนวนห้องพักทั้งหมด 1,500 คีย์ (Key) โดยภายใน 3 ปีจะขยายเพิ่มเป็น 3,000 คีย์  

ปีณิตา กล่าวเพิ่มว่า จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯให้ต่างชาติถือครองอสังหาฯในสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 49%  รวมถึงการขยายระยะเวลาเป็น 99 ปี นั้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจากรัฐบาลโดยหากประกาศนโยบายออกมาแล้วเสร็จคาดส่งผลบวกกับตลาดอสังหาด้วยจะทำให้ประเทศไทยด้วยมีกลุ่มนักลงทุนอสังหาฯ ต่างชาติใหม่ๆ เข้ามาในแต่ละโครงการมากขึ้นในอนาคต พร้อมเป็นแรงส่งให้ธุรกิจบริการ ฮอสพิทัลลิตี้ ในไทยขยายตัวขึ้นตามไปด้วย  ซึ่งยังรวมถึงในภูเก็ต ด้วยเป็นอีกหนึ่งตลาดอสังหาฯสำคัญ ที่บริษัทมีพร๊อพเพอร์ตี้ บริหารจัดการ เช่นกัน   

พร้อมกล่าวทิ้งท้าย จากแนวโน้มดังกล่าว บริษัทฯ มองเห็นโอกาสทางธุรกิจด้านบริการจัดฝึกอบรมให้กับผู้ประกอบการธุรกิจที่สนใจ ในหลักสูตร ‘EEC Prime’ รุ่นที่4 พร้อมเผยเคล็ดลับพาธุรกิจบุก EEC  ช่วยนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ ผู้บริหารระดับสูง รวมถึงผู้ที่เล็งเห็นโอกาสในการริเริ่มต่อยอดหรือขยายธุรกิจไปยังพื้นที่EEC ได้รับความรู้ ข้อมูล เทคนิคและเคล็ดลับแบบบูรณาการจากผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ 4 ด้านหลัก ‘Technology-Trend-Trade-Creative Business’ ใน EEC หลากหลายองค์กรทั้งภาครัฐ-เอกชนร่วมแชร์ความรู้ โดยเปิดรับสมัครแล้ววันนี้ เริ่มเรียน 4 ตุลาคม-29พฤศจิกายน 2567