‘ภูมิธรรม’ อำลาพาณิชย์ โชว์ผลงาน 1 ปี สำเร็จตามเป้า

‘ภูมิธรรม’ อำลาพาณิชย์ โชว์ผลงาน 1 ปี สำเร็จตามเป้า
‘ภูมิธรรม’ วางอนาคตกระทรวงพาณิชย์ ต้องเข้าถึง ขับเคลื่อน และเคียงข้างไปด้วยกันดูแลประชาชน ชี้ผลการทำงาน 1 ปี ปิดตำนานจำนำข้าว เพิ่มรายได้เกษตรกรเกือบ 2 แสนล้าน ดันข้าวเปลือกเจ้านิวไฮรอบ 20 ปี

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการทำงานในตำแหน่งรมว.พาณิชย์ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ว่า ตนมากระทรวงพาณิชย์ ตื่นเต้นที่ได้มาที่นี่ ต้องเรียนรู้ค่อนข้างมากและลงลึก ขอบคุณอธิบดีและผู้บริหารทุกคน ได้ขับเคลื่อนงานหลายอย่าง คนของกระทรวงพาณิชย์มีศักยภาพทุกคน ตนได้ตั้งคณะทำงาน 9 ชุดบูรณาการงานทุกส่วนร่วมกัน เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์เป็นกระทรวงชั้นนำของประเทศ

ทั้งนี้ได้กำหนดนโยบายในการทำงานในช่วงบริหารงานกระทรวงพาณิชย์ไว้ 7 ด้าน ได้แก่ 1.ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส 2.บริหารให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้บริโภค เกษตรกร ผู้ประกอบการ 3.ทำงานเชิงรุกระหว่างพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์

4.แก้ไขข้อจำกัดของกฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายที่เก่าล้าสมัย 5.ร่วมขับเคลื่อนนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต 6.เร่งผลักดันส่งออกจากติดลบให้เป็นบวก และ 7.ผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA ซึ่งปรากฏผลการทำงานประสบความสำเร็จ สามารถดูแลตั้งแต่เกษตรกร ที่เป็นคนฐานรากของประเทศ ประชาชนผู้บริโภคให้มีภาระค่าครองชีพลดลง และดูแลผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันและช่วยเพิ่มรายได้ 

สำหรับการเพิ่มรายได้ สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มขึ้นเกือบ 2 แสนล้านบาท จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาพืชผลทางการเกษตร โดยพืชหลัก ได้แก่ ข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มัน ปาล์ม ยางพารา ช่วยเหลือเกษตรกรเกือบ 8 ล้านครัวเรือน ดูแลปริมาณผลผลิตเกือบ 90 ล้านตัน สร้างสถิติราคาซื้อขายข้าวเปลือกเจ้าได้สูงสุดในรอบ 20 ปี

ขณะที่พืชรอง ได้แก่ ผลไม้ พืช 3 หัว และผัก ช่วยเหลือเกษตรกรเกือบ 1.5 ล้านครัวเรือน ดูแลปริมาณผลผลิตกว่า 8 ล้านตัน สร้างสถิติราคาซื้อขายสับปะรด กระเทียม หอมแดง สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการชุมชน และ SME โดยผลักดันการค้า E-Commerce ทั้งในและต่างประเทศ เกิดมูลค่าการซื้อขาย 2,347.70 ล้านบาท อาทิ ทำ MOU กับ Rakuten ญี่ปุ่น เพื่อจำหน่ายสินค้าไทย  การร่วมมือกับ Amazon ขายออนไลน์ นำสินค้าไทยขายบน Shopee มียอดขาย 71.44 ล้านบาท เชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับตลาดต้องชม 251 แห่ง เพิ่มรายได้ 1,987 ล้านบาท พัฒนาหมู่บ้านทำมาค้าขาย เพิ่มรายได้ 185 ล้านบาท ผลักดันเพิ่มมูลค่าสินค้า GI สร้างรายได้ 71,000 ล้านบาทต่อปี

 รวมถึงใช้ร้านอาหาร Thai SELECT ในต่างประเทศเป็นโชว์รูมสินค้าไทย ผลักดัน Soft Power ทั้งอาหาร ดนตรี เชื่อมโยงร้านอาหาร Thai SELECT กับการท่องเที่ยว ให้ร้านธงฟ้า จัดไปรษณีย์@ธงฟ้า อำนวยความสะดวกผู้ค้าออนไลน์และประชาชน จัดกิจกรรมฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านการจัดตลาดพาณิชย์ทั่วประเทศ โดยประสานพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้ผู้ประกอบการรายเล็ก ในช่วง 1 ส.ค.–30 ส.ค. ที่ผ่านมา จำนวน 318 ครั้ง มีผู้ประกอบการเข้าร่วม 4,683 ราย สร้างรายได้ 373 ล้านบาท และตั้งเป้าจัดตลาดพาณิชย์ 935 ครั้ง ในช่วง ส.ค.-พ.ย.67 คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการรายย่อยได้เป็นจำนวนมาก

ส่วนการขยายโอกาสทางการค้า ได้เดินหน้าเจาะตลาดหลัก โดยจีน นำเข้าผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน CAEXPO สหรัฐฯ นำเอกชนลงนาม MOU ซื้อขายข้าวและอาหาร ญี่ปุ่น ผลักดันอาหาร ผลไม้ ผ้าไทย ซีรีส์วายในงาน Thai Festival Tokyo ฝรั่งเศส นำเอกชนเข้าร่วมงาน Cannes Film Festival 2024 คาดมูลค่าเจรจาการค้ากว่า 11,000 ล้านบาท

การใช้แคมเปญ Think Thailand Next Leve ในการบุกตลาดอินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกาหลีใต้ ซาอุดีอาระเบีย และแอฟริกาใต้ ผลักดันการค้าชายแดน และแก้ไขอุปสรรคทางการค้า โดยเฉพาะการเจรจาเปิดด่าน เพื่อรองรับฤดูกาลผลไม้ไทย การลงนาม FTA ไทย-ศรีลังกา ผลักดันการเจรจา FTA ไทย-EFTA ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2567 เปิดเจรจา FTA ใหม่ อาทิ ไทย-เกาหลีใต้ ไทย-ภูฏาน และไทย-บังคลาเทศ การรุกตลาดเมืองรอง โดยต่อยอด MOU ที่ลงนามไปแล้ว สร้างมูลค่าการค้ากว่า 5,500 ล้านบาท อาทิ ความร่วมมือกับมณฑลกานซู่ ปูซาน และโคฟุ

อย่างไรก็ตามได้เพิ่มโอกาสทางการค้าส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทยผ่านกลยุทธ์ตลาดแนวใหม่ โดยใช้ซีรีย์วาย ซีรีย์ยูริ ดึงมาย-อาโป ฟรีน-เบ็คกี้ ยกระดับสินค้าชุมชน อาทิ สมุนไพร สุราชุมชน ขนมขบเคี้ยว Tie-in เข้าสู่ตลาดโลกผ่านซีรีส์ และนำเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่ฮ่องกง เวียดนาม ฝรั่งเศส เกิดการจับคู่ธุรกิจ 756 คู่ มูลค่า 4,102 ล้านบาท ใช้เครือข่าย KOL จีนไลฟ์สดขายสินค้าและบริการไทย เพื่อสร้างรายได้ให้คนตัวเล็ก กำหนดจัดวันที่ 25-29 ก.ย.67 คาดการณ์มูลค่า 1,500 ล้านบาท

การจัดทำ MOU กับ Sinopec นำสินค้าไทยจำหน่ายใน Easy Joy ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน คาดการณ์มูลค่า 1,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี การเจรจาธุรกิจออนไลน์ (OBM) เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ฮาลาล สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น คาดการณ์มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท การทำงานเชิงรุกทูตพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัด ขายกล้วยหอมเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่น ขายลำไยเข้าสู่ตลาดจีน ขายมังคุดไปจีนและญี่ปุ่น และเปิดตลาดผ้าไทยในญี่ปุ่น เป็นต้น รวมไปถึงการช่วยสร้างโอกาสทางการค้า ปรับปรุงและพัฒนาพัฒนาข้อมูลในเว็บไซต์ คิดค้า.com ให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของระเบียบการค้าโลกใหม่ที่เน้นเรื่อง SDG ความยั่งยืน จัดทำเว็บไซต์พาณิชย์คิดค้ายั่งยืน

นอกจากนี้ยังปิดตำนานโครงการจำนำข้าว ขายข้าว 2 โกดังสุดท้ายในโครงการรับจำนำข้าว ที่เก็บมาไว้เกือบ 10 ปีได้เงินเข้ารัฐ 272.80 ล้านบาท ยืนยันคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยที่เก็บรักษาอย่างดีก็ยังมีคุณภาพและคุณสมบัติสามารถบริโภคและจำหน่ายได้

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป้าหมายในการทำงาน ได้วางอนาคตกระทรวงพาณิชย์ใน 3 ด้าน คือ เข้าถึง ขับเคลื่อน และเคียงข้างไปด้วยกัน...ต่อ โดยการเข้าถึง จะเน้นการสร้างเครือข่าย ผลักดันการค้า เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงพาณิชย์ง่าย สะดวก ทั่วประเทศและทั่วโลก ส่วนการขับเคลื่อนทีมพาณิชย์ คิดนอกกรอบเพื่อสร้างสรรค์งานในเชิงรุก ขับเคลื่อนทั้งช่องทางและสินค้ายุคใหม่และการใช้ประโยชน์จาก Data Analytic

รวมถึงทีมพาณิชย์บูรณาการร่วมกับทีมประเทศไทย สำหรับการเคียงข้างไปด้วยกันต่อ ให้คนตัวใหญ่ช่วยคนตัวเล็ก และขับเคลื่อนพลังคนรุ่นใหม่ ซึ่งตนได้ฝากแนวทางนี้ให้กับนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ให้ช่วยสานต่อและขับเคลื่อนแล้ว

“ด้วยความอาลัยรักพวกท่านทั้งหลาย วันนี้เป็นวันสุดท้าย เสียดายที่ไม่ได้อยู่ร่วมทำงานกับท่านทั้งหลาย สำหรับท่านรัฐมนตรีทั้งสอง ถึงแม้เราต่างพรรคแต่เป็นพี่เป็นน้องทำงานที่นี่เรารู้ใจกัน ประสานงานให้พรรคเราทั้งสามได้ดี และขอฝากข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ทุกท่าน สิ่งที่ผมทำอันไหนที่ดีอยากให้ช่วยผลักดันให้เต็มที่ ขอถือโอกาสนี้วันสุดท้ายที่กระทรวงพาณิชย์ขอกราบลาทุกคน”นายภูมิธรรมกล่าว

TAGS: #จำนำข้าว #ข้าวเปลือก #ผลงาาน #1 #ปี