ศก.ชะลอตัว มาตรการรัฐไม่ชัดกดดัชนีเชื่อมั่นฯต่ำสุดรอบ 13 เดือน

ศก.ชะลอตัว มาตรการรัฐไม่ชัดกดดัชนีเชื่อมั่นฯต่ำสุดรอบ 13 เดือน
ม.หอการค้าเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเป็นเดือนที่ 6 กังวลเศรษฐกิจไทยไม่เห็นสัญญาณฟื้น ค่าครองชีพสูง หวังแจกเงินหมื่นช่วยพยุงกำลังซื้อไตรมาส4

รศ.ดร. ธนวรรธน์  พลวิชัย  อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลของการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนสิงหาคม 2567 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวลดลงจากระดับ 57.7 เป็น 56.5 เป็นการปรับตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือนนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 เป็นต้นมา

ทั้งนี้ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงชะลอตัวลงและฟื้นตัวช้า เพราะยังไม่เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนของรัฐบาลใหม่ ประกอบกับราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น

รวมถึงยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางและสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังคงยืดเยื้ออาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวล่าช้าของเศรษฐกิจไทย

ด้านดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 50.2 53.9 และ 65.6 ตามลำดับ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6  เมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนกรกฎาคม ที่อยู่ในระดับ 51.3 54.9 และ 66.8 ตามลำดับ

การที่ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ ราคาพลังงานและค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้าและค่าครองชีพสูง ตลอดจนสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน กับอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซาที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ในอนาคตอันใกล้ หากรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทในปลายไตรมาสที่ 3 ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งน่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 2.6-2.8% ในปีนี้ แต่ถ้าไม่มีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียง 2.4-2.6%

รศ.ดร.ธนวรรธน์  กล่าวว่า สิ่งที่กังวลต่อเนื่องคือ ปัญหาหนี้ครัวเรือน กำลังซื้อที่หาย  ดังนั้น นโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำและแก้ไขเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับประชาชน และปรับโครงสร้างหนี้ ขณะนี้สัญญาณเศรษฐกิจยังชะลอตัว ไม่โดดเด่น  แต่เชื่อว่าเดือนหน้ายังมีความท้าทายน่าจะดีขึ้นจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลวงเงิน  1.4-1.5 แสนล้าน ถ้าเริ่มแจกได้เงินจะลงในระบบเศรษฐกิจ  หากเงินถูกใช้ 20-30 % ทำให้เกิดเงินสะพัด 3-4 หมื่นล้าน ส่วนปัญหาต้นทุนของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะปรับขึ้นค่าแรง 400 บาท นั้น คงต้องประสานในคณะกรรมการในไตรภาคีระดับจังหวัดด้วย เพราะเท่าที่ทราบบางจังหวัดยังไม่เห็นด้วย

TAGS: #หอการค้าไทย #ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค #แจกเงินดิจิทัล