ปรับใหญ่แบรนด์ ‘ชามา’ แข่งตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ รับโอกาสไทย ‘ฮับ’ สำนักงานในอาเซียน

ปรับใหญ่แบรนด์ ‘ชามา’  แข่งตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์  รับโอกาสไทย ‘ฮับ’ สำนักงานในอาเซียน
ออนิกซ์ฯ รีแบรนด์ Shama เจาะตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ทั้งใน/ต่างประเทศ รับเทรนด์เคลื่อนย้ายทำงานกลุ่ม Expat ขยายตัว เป็นโอกาส ‘ไทย’ ศูนย์กลางสำนักงานในภูมิภาคฯ

ยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป (ONYX) ผู้บริหารและเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์โรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ต่างๆ อาทิ อมารี (Amari) อมารี (Amari) โอโซ่ (OZO)  ชามา (Shama) และโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ (Oriental Residence) โดยวางกลุ่มกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกันในแต่ละแบรนด์

โดยแผนธุรกิจออนิกซ์ฯ ล่าสุดได้ปรับโฉม (Rebranding) ชามา (Shama) เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ แบรนด์ธุรกิจ มีจุดกำเนิดในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ซึ่งบริษัทฯได้เข้าซื้อกิจการมาตั้งแต่ปี 2553 และทำการขยายธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

ปัจจุบัน บริษัทดำเนินการเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ชามา มากกว่า 2,500 ยูนิต จากทั้งหมด 20 แห่ง ในประเทศไทย จีน ฮ่องกง และมาเลเชีย ดังนี้

  • ประเทศไทย จำนวน 6 แห่ง
  • ฮ่องกง 7 แห่ง
  • จีน 5 แห่ง
  • มาเลเชีย 2 แห่ง

โดยภายใต้แบรนด์ชามา จะยังประกอบด้วย ‘ชามา ลักซ์ (Shama Luxe)’ ‘ชามา (Shama)’ และ ‘ชามา ฮับ (Shama Hub)’  ซึ่งทั้ง 3 รูปแบบจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของขนาดห้องพัก ทำเล และการออกแบบตกแต่งเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ระดับอัปเปอร์ อัปสเกล (Upper Upscale) จนถึงอัปเปอร์ มิเดิล สเกล (Upper Middle scale)

“ในอนาคตอันใกล้ ออนิกซ์ฯ มีแผนเพิ่ม Shama Hub ในประเทศไทย และ Shama Luxe ในประเทศมาเลเชีย และเปิด Shama ในสปป. ลาว อีกด้วย” ยุทธชัย กล่าว

ทั้งนี้  บริษัทฯ ยังเตรียมแผนทำตลาดด้วยการนำเสนอผ่านสื่อภาพยนต์โฆษณาแบรนด์ ‘ชามา’ชุดใหม่พร้อมให้ โอกิลวี่ (Ogilvy) บริษัทตัวแทนโฆษณาระดับโลกดำเนินการผลิตสื่อฯ ในชิ้นแรกด้วยมูลค่าไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท เพื่อสื่อสารเรื่องราวและภาพลักษณ์ใหม่แบรนด์ชามา ไปในตลาดที่พักอาศัยเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ที่มีความแข็งแกร่งในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในฮ่องกง ที่แบรนด์เป็นผู้นำในตลาดนี้

พร้อมกันนี้ แบรนด์ชามายังเปิดตัวแคมเปญ ‘Live Your Blended Life:  เบลนด์ทุกโมเมนต์ที่ใช่ในชีวิต ที่ชามา’ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของการใช้ชีวิตที่ชามาในหลากหลายมิติ ภายใต้แนวคิด Freedom to Explore โดยอีกหนึ่งไฮไลท์ของแคมเปญ คือ

  • ชามา โซเชียล คลับ (Shama Social Club)’ ไลฟ์สไตล์โปรแกรมที่นำเสนอกิจกรรมที่จะช่วยเชื่อมโยงผู้เข้าพักที่ชามาเข้าด้วยกัน และสร้างความเป็นส่วนหนึ่งระหว่างผู้เข้าพักกับสิ่งแวดล้อมและคนในชุมชนย่านที่พักอาศัย เป็นกิจกรรมที่หลอมรวมไลฟ์สไตล์ของผู้เข้าพักที่มีความแตกต่างกัน ผ่านการทำกิจกรรมที่คัดสรรมาอย่างดี

โดยจะนำเสนอกิจกรรม ชามา โซเชียล คลับ แบบเอ็กซ์คลูซีฟขึ้นทั้งหมด 3 กิจกรรมในแต่ละเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2567 ซึ่งแต่ละกิจกรรมเป็นตัวแทน 3 ไอเดียหลักของการเบลนด์โมเมนต์ที่ใช่ในชีวิต ได้แก่

  • กิจกรรม Explrecation (Explore+Vacation) จัดขึ้นในเดือนตุลาคม เป็นกิจกรรม Flating Sound Bath ให้ผู้เข้าพักได้ทดลองผ่อนคลายด้วยเสียงในสระน้ำ
  • กิจกรรม Wrkshopping (Work+Shopping) จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน เป็นกิจกรรม Persnal Colour Workshop ที่จะช่วยให้ผู้เข้าพักเข้าใจบุคลิกลักษณะของตนเอง และนำไปเป็นไอเดียในการช็อปปิ้งเสื้อผ้าทำงานที่จะทำให้รู้สึกมั่นใจและดูดี ท่ามกลางบริบทแวดล้อมใหม่ๆ ได้
  • กิจกรรม Fodventure (Food+Adventure) จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคม เป็นกิจกรรม Taste f Life พาผู้เข้าพักไปปั่นจักรยานตะลอนชิมและชมย่านเมืองเก่าในกรุงเทพฯ พร้อมเรียนรู้การถ่ายภาพ เพื่อเพิ่มสีสันให้เพลิดเพลินและสนุกกับการใช้ชีวิต

ยุทธชัย กล่าวว่าจากการปรับโฉมพร้อมวางแนวทางการการให้บริการรูปแบบใหม่ของแบรนด์ชามา เพื่อสร้างการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้อยู่อาศัยด้านเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่จะมีแนวโน้มความต้องการขยายตัวสูงขึ้นนับจากนี้ หลังรูปแบบการทำงานทั่วโลกกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ มีการย้ายกลับเข้ามาทำงานในอาคารสำนักงาน หรือในสานที่ทำงานประจำในภาคพื้นดินเป็นจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานขั้นชาวต่างชาติ (Expat) ที่มีการเคลื่อนย้ายสถานที่ทำงานระหว่างประเทศ

พร้อมเสริม “โดยเฉพาะการทำงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ที่ตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ มีความต้องการสูงเพิ่มขึ้นจากเดิมที่สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางหรือฮับสำนักงานธุรกิจของภูมิภาค แต่จากต้นทุนรอบด้านที่สูงขึ้นทำให้ออฟิศย้ายมาอยู่ที่ประเทศใกล้เคียงอย่างมาเลเซีย รวมถึงในไทยที่มีแนวโน้มจะเป็นฮับสำนักงานระดับอาเซียนในอนาคต ส่งผลความต้องการอยู่อาศัยเวอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ ขยายตัวสูงขึ้น”

ทั้งนี้ ชามา (Shama)  ยังมีจุดเด่นที่แตกต่างจากเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ อื่นๆ คือ ขนาดของห้องพักขนาดกว้างขวางที่ถูกแบ่งสัดส่วนไว้อย่างเหมาะสมต่อการอยู่อาศัยจริงของผู้พักอาศัยทุกรูปแบบ ตั้งแต่นักธุรกิจที่เดินทางคนเดียวไปจนถึงครอบครัวใหญ่ที่ต้องการบ้านหลังที่สองสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว พร้อมทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ วางระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 3,000 บาทต่อคืน

ยุทธชัย กล่าวต่อสำหรับเป้าหมายของแบรนด์ชามา (Shama)  นับจากนี้ยังวางแผนจะขยายธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง ทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในปี 2567 ได้เปิดชามาแห่งใหม่ไปแล้ว 3 แห่ง ได้แก่

  • ชามา ฮับ เมโทร เซาธ์ ฮ่องกง (Shama Hub Metro South, Hongkong)
  • ชามา ฮับ เฉียงถั่ง หางโจว ประเทศจีน (Shama Hub Qiantang Hangzhou, China)
  • ชามา ซัวซานา ยะโฮร์ บาห์รู ประเทศมาเลเชีย (Shama Suasana Johor Bahru, Malaysia) นอ

นอกจากนี้ ยังได้เซ็นสัญญาเข้าบริหาร ชามา ระยอง (Shama Rayong) ที่พร้อมจะเปิดให้บริการในปี 2570 ทั้งนี้ทำเลไฮไลต์ที่โดดเด่นของชามา อาทิ

  • ชามา เย็นอากาศ กรุงเทพฯ (Shama Yen-Akat Bangkok)
  • ชามา เอกมัย กรุงเทพฯ (Shama Ekamai Bangkok)
  • ชามา เลควิว อโศก กรุงเทพฯ (Shama Lakeview Asoke Bangkok)
  • ชามา เพชรบุรี 47 กรุงเทพฯ (Shama Petchburi 47 Bangkok)
  • ชามา สุขุมวิท กรุงเทพฯ (Shama Sukhumvit Bangkok)
  • ชามา ซัวซานา ยะโฮร์ บาห์รู ประเทศ มาเลเชีย (Shama Suasana Johor Bahru, Malaysia)

สำหรับผลประกอบการปัจจุบัน ชามา โตกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 3% และเติบโตกว่า 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันจากปีก่อน และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 52% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 2562  โดยชามาในประเทศไทยได้เริ่มตั้งแต่ 5 ปีก่อน ถึงปัจจุบันมีอัตราการเติบโต 200%  

พร้อมวางแผนขยายแบรนด์ชามา เพิ่มขึ้นเป็น 50 แห่งภายในปี 2025 และเพิ่มขึ้นเป็น 70 แห่งในปี 2028 จากงบลงทุนในภาพรวมของบริษัทฯ ที่เตรียมไว้ราว 9,000 ล้านบาท   

ห่วง2 เรื่องกระทบท่องเที่ยว

ยุทธชัย กล่าวต่อภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงท้ายปี2567 ยังมีความกังวลใน 2 ปัจจัยหลัก คือ หนึ่ง สถานการณ์น้ำท่วมที่อยู่ระหว่างรอการเยียวยาในภาพรวมและนโยบายจากภาครัฐที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งหากแก้ไขได้ทันท่วงทีจะส่งผลดีต่อไปยังธุรกิจท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และ สอง บุคคลากรสายงานฮอสพิทาลิตี้ ที่ขาดแคลน ในขณะนี้

“ปีนี้ภาคการท่องเที่ยวของไทยเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวตลอดทั้งปีไม่มีหน้าโลว์ซีซั่น แม้แต่ในช่วงไตรมาส3 นี้ซึ่งยังมีกลุ่มนักเดินทางจากมิดเดิลอีสต์ และอินเดีย เข้ามา ขณะที่พอร์ตสินค้ากลุ่มลักซูรี่เติบโตสูงสุด” ยุทธชัย กล่าว

โดยตลอดช่ววที่ผ่านมาของปีนี้ แบรนด์ OZO มีอัตราการเข้าพัก 85% สร้างผลกำไรสุทธิเติบโต 40-45% แบรนด์ Amari มีอัตราการเข้าพัก 75-80% สร้างผลกำไรสุทธิเติบโต 35-40% ส่วนชามา มีอัตราเข้าพัก 85-90% สร้างผลกำไรสุทธิเติบโต 55-65%   

TAGS: #ออนิกซ์ฮอสพิทาลิตี้กรุ๊ป #ONYX