‘จีน’ เจาะ ‘อาเซียน’ เชื่อมตลาดผ่านวิถีดิจิทัล ใช้เทคโนโลยีแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระดับภูมิภาค

‘จีน’ เจาะ ‘อาเซียน’ เชื่อมตลาดผ่านวิถีดิจิทัล ใช้เทคโนโลยีแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระดับภูมิภาค
แผนรุกคืบตลาดอาเซียนของ 'จีน' ผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในระดับภูมิภาค ของธุรกิจเอกชนด้านเทคโนโลยี ด้วยดิจิทัลคอนเทนต์และเทคโนโลยีทางการเงิน มาเชื่อมโยงคนรุ่นใหม่

ในงานสัมมนา ‘วิถีชีวิตดิจิทัลและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมจีน-อาเซียน' ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ร่วมจัดโดยสถาบันกวางโจวแห่ง อ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GIG) สภาข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางสำหรับเอเชียแปซิฟิก (BRICAP) และสถาบันศึกษาประเทศจีน มหาวิทยาลัยมาลายา (ICS-UM)  ไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา

ในงานครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมสัมมนาฯ ได้แก่ นายเจิ้ง เสวฟาง (Zheng Xuefang) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศมาเลเซีย และ นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจากมาเลเซีย จีน เวียดนาม ฯลฯ ร่วมหารือพร้อมแปลกเปลี่ยนมุมมองความสำเร็จ และแนวโน้มการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมดิจิทัลระหว่างจีนและอาเซียน

‘คิวอาร์โค้ด’ เชื่อมจีน-อาเซียน

ทั้งนี้ หลังจากบริษัท Payments Network Malaysia (‘PayNet’) ประกาศขยายความร่วมมือด้านการชำระเงินผ่าน คิวอาร์โค้ด กับ วีแชทเพย์ ซึ่งเป็นวิธีชำระเงินที่ใช้กันอย่างกว้างขวางในจีน โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ การชำระเงินผ่าน คิวอาร์โค้ด ของ มาเลเซีย ก็คือ DuitNow QR และ วีแชทเพย์ สามารถเชื่อมโยงกันได้

โดยหลังจากนี้ ร้านค้ากว่า 2 ล้านแห่งที่ร่วม DuitNow QR จะรับเงินจาก วีแชทเพย์โดยตรงได้ ซึ่งจะทำให้การชำระจ่ายของนักท่องเทียวชาวจีนในมาเลเซียง่ายขึ้น โดยไม่ต้องมีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินหรือโอนเงินแต่อย่างใด

ขณะที่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มาเลเซีย และประเทศต่างๆของอาเซียนได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีการส่งเสริมการชำระเงินแบบดิจิทัลย่างจริงจัง และเปิดตัว อี-วอลเล็ท หลายโครงการ

ด้าน หว่อง เส็ง ยวู (Wong Seng Yue) รองศาสตราจารย์คณะธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยมาลายา ชี้ให้เห็นว่าปัจจุบัน มากกว่า 60% ของประชากร 32 ล้านคนในมาเลเซียได้ลงทะเบียนใช้ อี-วอลเล็ท ของ Touch’n Go แล้ว และวิถีชีวิตแบบดิจิทัลกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

โดยในปี 2566 เศรษฐกิจดิจิทัลทั่วอาเซียนมีมูลค่าถึง 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 55% จากปีที่แล้ว อาเซียนกำลังเร่งเจรจาในเรื่องกรอบข้อตกลงเศรษฐกิจดิจิทัล

อ่อง ตี เกียด (Ong Tee Keat) ประธานสภาข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางสำหรับเอเชียแปซิฟิก และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่าความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างจีน มาเลเซีย และอาเซียนโดยรวม วิสัยทัศน์และขอบเขตความร่วมมือระดับภูมิภาคได้ขยายออกไปจากการซื้อขายสินค้าไปสู่นวัตกรรมดิจิทัลและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม

ขณะที่ ภูมิภาคเอเชียอาคเนย์มีประชากรเกือบ 700 ล้านคน และคนหนุ่มมีสัดส่วนค่อนข้างสูง ประกอบกับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในทุกพื้นที่และตลาดผู้บริโภคที่กำลังเติบโต เอเชียอาคเนย์จึงมีศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลที่สูง  

ทั้งนี้ ประเทศจีน ซึ่งมีเทคโนโลยีดิจิทัลชั้นนำและวิถีชีวิตแบบดิจิทัลที่สะดวกสบายมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะการเจาะตลาดการชำระเงินผ่านมือถือสูงที่สุด รวมถึงนวัตกรรมดิจิทัลต่าง ๆ เช่น e-commerce และ mini-programs ก็เปิดโอกาสอันมหาศาลสำหรับการร่วมมือดิจิทัลกับอาเซียน

ด้าน หลี่ หมิงโป (Li Mingbo) รองผู้อำนวยการสถาบันกวางโจวแห่ง  อ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GIG) กล่าวว่า ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลเป็นมากกว่าแอปพลิเคชันด้วยเป็นหน้าต่างที่ประเทศจีนและอาเซียนสามารถก้าวข้ามชายแดนทางภูมิศาสตร์และค้นหาเสน่ห์ทางวัฒนธรรมของกันและกัน

“ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลยังทำให้เนื้อหาวัฒนธรรมที่ไม่ง่ายในการเข้าถึงในอดีตได้มีโอกาสในการแพร่กระจายมากขึ้น” หมิงโป กล่าวพร้อมเสริมว่า

การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความร่ำรวยทางจิตใจให้เราเท่านั้น แต่ยังเป็นฐานที่มั่นในการสร้างอนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติ

คอนเทนต์ดิจิทัลอาเซียนเข้าถึงคนรุ่นใหม่  

โดยในเดือนเมษายน ปีนี้ที่ผ่านมา รายการเซอร์ไววัล ‘ช่วง เอเชีย’ ซึ่งเป็นรายการที่ทำโดย WeTV ของ บริษัท Tencent และ ช่องโทรทัศน์ของประเทศไทย ได้จบลงด้วยความสำเร็จ รายการนี้มีคอนเทนต์ และ ไอเดียจากจีน ได้ถ่ายทำในไทยพร้อมดึงดูดผู้เข้าร่วมจาก 10 ประเทศ อาทิ จีน มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

นอกจากรายการโชว์แบบนี้แล้ว ดิจิทัลยังผลักดันซีรีส์โทรทัศน์ วรรณกรรม และวิดีโอเกมให้กลายเป็น ‘3สิ่งใหม่’ ของการส่งออกทางวัฒนธรรมดิจิทัลของจีน ซึ่งเป็นสะพานสร้างความเข้าใจกัน และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนและอาเซียน

ขณะที่ซีรีส์โทรทัศน์ ‘A Lifelong Journey’ ซึ่งเล่าเรื่องการพัฒนาของจีนในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาได้ สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมในอาเซียน  โดยได้รับความนิยมให้คะแนนสูง ซีรีส์แนวย้อนยุคเช่น ‘ยอดหญิงแกร่ง’ และ ‘ปรมาจารย์ลัทธิมาร’ ก็ได้สร้างกระแสในภูมิภาคนี้ ทำให้หลายคนสนใจเรียนภาษาจีนและวัฒนธรรมจีน

ในขณะเดียวกัน บริษัทเทคโนโลยีจีนก็เพิ่มการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวอย่างเช่น WeTV ได้ร่วมมือกับโปรดิวเซอร์ นักแสดง และนักเขียนของอาเซียนเพื่อผลิตละครโทรทัศน์ เช่น ‘อุ่นไอในใจเธอ’ ของไทย และ ‘Layangan Putus’ ของอินโดนีเซีย บริการ OTT เช่น iQIYI, WeTV และ Youku รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์อย่าง ติ๊กต๊อก และ Xiaohongshu กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในอาเซียนโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่

ด้าน หวาง ถี ทู ฮา (Hoang Thi Thu Ha) อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งชาติเวียดนาม ฮานอย กล่าวว่า "เมื่อ 5-7 ปีที่แล้ว เว็บไซต์เถื่อนที่คนเข้าไปดูละครโทรทัศน์แบบไม่มีลิขสิทธิ์แพร่หลายมากในเวียดนาม แต่ตอนนี้มีแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งแบบถูกกฎหมายพร้อมบริการดี ๆ ที่เข้ามาให้บริการ ผู้ชมตอนนี้สามารถเพลิดเพลินกับรายการโทรทัศน์จากทั่วโลกได้ ในนี้ แพลตฟอร์มจากจีน เช่น WeTV และ Mango TV กำลังได้รับความนิยม" นาง

โดยข้อมูลสถิติ ยังแสดงชัดว่า WeTV มีผู้ใช้งานมากกว่า 40 ล้านคนต่อเดือน ส่วนใหญ่อยู่ในอาเซียน และมากกว่า 60% ของผู้ชมในอาเซียนมีอายุต่ำกว่า 35 ปี

ด้าน ซุน เจียซาน (Sun Jiashan) รองศาสตราจารย์จากสถาบันวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งสังกัดกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนกล่าวเสริมว่า สำหรับคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลและชีวิตประจำวันมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้ง แอปพลิเคชัน เช่น WeTV และ Xiaohongshu ได้ก้าวข้ามพรมแดนกลายเป็นสื่อกลางสำคัญในการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม

“คนรุ่นใหม่ในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังใช้แพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันดิจิทัลเหล่านี้และมีความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม”

ธุรกิจดิจิทัล แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมจีน-อาเซียน

ขณะที่ จีนและอาเซียน ต่างมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีการฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแบบนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมแล้ว ยังเป็นการช่วยส่งเสริมการเผยแพร่วัฒนธรรมข้ามพรมแดนในรูปแบบใหม่ต่างๆ

เจิ้ง เสวฟาง (Zheng Xuefang) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศมาเลเซียกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และการยกระดับความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีน-อาเซียน ทั้งสองฝ่ายจะมีความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และ การเชื่อมโยงระดับภูมิภาคมากขึ้นเรื่อยไป

พร้อมย้ำว่า ปีนี้คือการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนจีน-อาเซียน" และหวังว่าจะมีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้นในด้านการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน การนำเสนอนโยบายยกเว้นวีซ่า ซึ่งกัน และ กัน ระหว่าง จีนและประเทศต่างในอาเซียน ๆ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย ทำให้กระบวนการเดินทางสะดวกขึ้น โดยแฮชแท็ก #Chinatravel กลายเป็นแฮชแท็กยอดนิยมบนโซเชียลมีเดีย

นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 นี้ วีแชทเพย์ และ อาลีเพย์ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการชำระเงินแบบดิจิดัลในจีน ได้ปรับบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาจีนให้ดียิ่งขึ้น

จากงานสัมมนาฯ ในครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังได้ข้อสรุปร่วมกันว่า หากความร่วมมือด้านดิจิทัลระหว่างจีนและอาเซียนมีมากขึ้น การปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ความเชื่อมความเข้าใจกันระหว่างประชาชน และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมก็จะมีมากขึ้น ในภูมิภาคนี้ อนาคตจะเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับการร่วมมือการในทุกๆด้าน

ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางและการค้าขายแต่ยังช่วยยกระดับเทคโนโลยีดิจิทัลและการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆในภูมิภาคนี้อีกด้วย

ตัวอย่างเช่น Grab แอปพลิเคชันเรียกรถชั้นนำในอาเซียน ได้ร่วมมือกับ วีแชทเพย์ และ อาลีเพย์ ของจีน เพื่อผลักดันให้การใช้งานแอปพลิเคชันดิจิทัลมีรูปแบบมากขึ้น ปัจจุบัน ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Grab ได้โดยตรงผ่าน วีแชท mini-program ด้วย

นอกจากนี้ผู้ให้บริการคลาวด์ เช่น Huawei, Alibaba และ Tencent กำลังนำเสนอโซลูชันดิจิทัลหลายๆอย่างเพื่อที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์

TAGS: #จีน #เศรษฐกิจดิจิทัล #อาเซียน