‘เอกนัฏ’ย้ำเร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ยกระดับนวัตกรรมเทคโนโลยี สร้างเศรษฐกิจไทยโตอย่างยั่งยืนควบคู่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2567 “Eco Innovation Forum 2024”จัดโดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) จับมือ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษภายใต้แนวคิด “Now Thailand : Sustainable Futures ลงทุนในประเทศไทยเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” ว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2567 จะขยายตัวร้อยละ 2.3 แต่เพื่อรักษาการเติบโตในระยะยาว จำเป็นต้องกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ ยกระดับด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และพัฒนาระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุน
ทั้งนี้ทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยต้องมุ่งสู่ความยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมรับมือกับความท้าทายต่างๆ ทั้งจากสถานการณ์ ภูมิรัฐศาสตร์ และมาตรการกีดกันทางการค้า โดยรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและโครงสร้างการผลิต
ขณะเดียวกันต้องร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาประเทศ ซึ่งประเทศไทย ต้องเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ (Now Thailand) ทั้งนี้ ประเทศไทยไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางการลงทุน แต่เป็น "ทางด่วน" ที่จะเร่งการลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับกระทรวงอุตสาหกรรม มีนโยบายขับเคลื่อน 3 ด้านหลัก ได้แก่ การจัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็นพิษ การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย และการสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ โดยมียุทธศาสตร์ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอุตสาหกรรม พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว และบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยมุ่งมั่นสนับสนุนผู้ประกอบการให้บรรลุเป้าหมายของอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเติบโตไปพร้อมกับชุมชน ตามแนวทาง MIND 4 มิติ ได้แก่ ความสำเร็จทางธุรกิจ ความอยู่ดีกับสังคมโดยรวม ความลงตัวกับกติกาสากล และการกระจายรายได้สู่ชุมชน
อย่างไรก็ตามภารกิจสำคัญในปีงบประมาณ 2568 กระทรวงฯ จะมุ่งเน้นการส่งเสริม Soft Power การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแห่งอนาคต การยกระดับเศรษฐกิจอุตสาหกรรม การส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว การขับเคลื่อนศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาล การลดมลพิษทางอากาศ การบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการยกระดับการบริการของกระทรวง
ด้านนายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ กนอ. รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เพื่อเผยแพร่ผลงานเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เชิดชูเกียรติองค์กรที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2593 ผ่านแนวทาง 3R คือ 1.“ลด” การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นเหตุแห่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change)2.“หมุนเวียน” พลังงานธรรมชาติหรือพลังงานที่สะอาด อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานน้ำ
และ 3.“ชดเชย” คาร์บอนที่ถูกนำมาใช้ด้วยกิจกรรม อาทิ การปลูกป่า การลงทุนในพลังงานหมุนเวียน หรือการซื้อคาร์บอนเครดิต เพื่อการดำเนินการให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ ภายในปี 2593 ทั้งหมดนี้ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายการปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยึดหลัก สะอาด สะดวก โปร่งใส นำพาภาคอุตสาหกรรมไทยสู่มาตรฐานสากล และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี สงครามการค้า ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้ GDP ไทยเติบโตเฉลี่ยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง แสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ การพัฒนาที่ยั่งยืนจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยไทยตั้งเป้าลดคาร์บอนและมุ่งสู่เศรษฐกิจที่เป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 ซึ่งเป็นความจำเป็นด้านสิ่งแวดล้อมและโอกาสในการสร้างเศรษฐกิจใหม่
ทางส.อ.ท. ผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยผ่านนโยบาย ONE FTI โดยยกระดับอุตสาหกรรมเดิม และสร้างอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เทคโนโลยีชีวภาพ และหุ่นยนต์ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน นำไปสู่โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ อุตสาหกรรมสีเขียว และ Net Zero
นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้เป็น Smart SMEs ด้วยแนวคิด 4GO คือ GO Digital & AI, GO Innovation, GO Global และ GO Green เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาประเทศไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน
สำหรับ NOW Thailand วันนี้ไม่ใช่แค่แผนหรือแนวคิด แต่เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน ประชาสังคม และสถาบันการเงิน ในการเร่งรัดการลงทุนและยกระดับอุตสาหกรรมสู่ Next-Gen Industry ที่เน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเป้าหมายร่วมกันภายใต้แนวคิด ONE FTI (One Vision, One Team, One Goal) ส.อ.ท. และ กนอ. พร้อมเป็นพันธมิตรกับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ