รมว.คลัง ถก ผู้ว่า ธปท. สัปดาห์หน้า หวังเห็นดอกเบี้ยนโยบายมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เผย การนัดหารือกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในสัปดาห์หน้า เรื่องนโยบายอัตราดอกเบี้ย และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ที่เมื่อวานนี้แข็งค่าสุดในรอบ 19 เดือน
นายพิชัย กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเกิดจากปัจจัยจากภายนอก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ที่มีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และส่งสัญญาณว่า จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีก และมีคนเชื่อว่า จะลงอีก 0.75% และจากการที่เฟดลดอัตราดอกเบี้ยส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ออกไปสู่ประเทศที่พัฒนา เช่น ประเทศไทยก็ถือเป็นกลุ่มเป้าหมาย และทุกประเทศก็จะเจอปัญหาเงินแข็งเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายพิชัย กล่าวว่า เมื่อเปรียบเทียบค่าเงินบาทกับเงินสกุลอื่นโดยเฉพาะประเทศคู่ค้าของไทย เช่น เงินหยวนของจีน เงินดองของเวียดนาม หรือเงินเยนของญี่ปุ่น เป็นต้น ค่าเงินบาทไทยแข็งค่ามากคู่แข่ง ทำให้ผู้ส่งออกไทยเสียเปรียบ
สำหรับกรอบเงินเฟ้อที่ ธปท. กำหนดไว้ 1-3% ตอนนี้ผ่าน 8 เดือน ค่าเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.15 % ซึ่งคลังอยากเห็นเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับประมาณ 2 %
“เมื่อเงินเฟ้อหลุดกรอบข้างล่าง หากยังกำหนดกรอบเงินเฟ้อไว้ระดับหนึ่ง 1-3% เหมือนเดิม เศรษฐกิจมันไม่ขึ้น และก็ต้องดูว่า อัตราดอกเบี้ยเราสูงเกินไปหรือไม่ วันนี้ผมคิดว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเอาข้อมูลทั้งหมดมาดูแล้วว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเราเป็นอย่างไร” นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยตกต่ำมายาวนานหากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และต่ำกว่าศักยภาพที่ไทยควรจะเป็น ส่งผลหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มมากขึ้น หนี้ SME เพิ่มขึ้น และหนี้สาธารณะสูงขึ้น นโยบายเดียวที่จะทำคือ ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับไปแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านหรือในตลาดโลกได้ ซึ่งในส่วนรัฐบาลใช้กรอบงบประมาณเต็มที่ เพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโต แต่ทั้งหมดต้องสัมพันธ์กับนโยบายทางการเงิน ตัวที่สำคัญที่สุด คือ ดอกเบี้ยนโยบาย