REIC เปิด 5 ทำเลที่อยู่อาศัย ยอดขายดีสุดในไตรมาส2 ปี67 ‘บางพลี’ ยืนหนึ่งกลุ่มบ้าน ห่วง’บางใหญ่’ ซัพพลายล้น ส่วน ‘ห้วยขวาง’ แชมป์ขายได้สูงสุดกลุ่มคอนโด
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รายงานภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบและคอนโดมิเนียม ช่วงไตรมาส 2 ปี 2567 พบอินไซด์น่าสนใจ พบว่า ตลาดบ้านแนวราบในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในไตรมาส 2 ปี 2567 ที่มีการเสนอขายประเภทบ้านจัดสรร มีจำนวนทั้งสิ้น 138,943 หน่วย เพิ่มขึ้น 9.6% มูลค่า 946,967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.8%
โดยประเภทของบ้านจัดสรรที่มีการเสนอขายจำนวนมากที่สุด ได้แก่
- ทาวน์เฮ้าส์มีจำนวนมากสุดถึง 68,106 หน่วย แต่ปรับตัวลดลง -1.5%
- บ้านเดี่ยวมีจำนวนถึง 44,399 หน่วย เพิ่มขึ้น 34.1%
- บ้านแฝด จำนวน 24,437 หน่วยเพิ่มขึ้น 10.4%
- อาคารพาณิชย์มีจำนวนเพียง 2,001 หน่วยและปรับตัวลดลง -14.2%
ขณะที่ การเปิดตัวใหม่ในไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่า มีจำนวน 9,230 หน่วย ลดลง -18.0% แต่มีมูลค่า 88,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% ดังนี้
- บ้านเดี่ยว มีจำนวน 4,096 หน่วย เพิ่มขึ้น 25.6%
- ทาวเฮ้าส์ จำนวน 3,549 หน่วย ปรับตัวลดลง -36.0%
- บ้านแฝด จำนวน 1,540 หน่วย ปรับตัวลดลง -30.4%
- อาคารพาณิชย์ จำนวน 45 หน่วย ลดลง -81.5%
สำหรับความเคลื่อนไหวด้านยอดขายได้ใหม่ของบ้านจัดสรรในไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 8,909 หน่วยลดลงร้อยละ -11.5 มูลค่า 60,251 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1
สำหรับ 5 ทำเลที่มีหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด ประเภทโครงการบ้านจัดสรร ประกอบด้วย
- อันดับ 1 โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 2,037 หน่วย มูลค่า 15,293 ล้านบาท
- อันดับ 2 โซนเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ จำนวน 1,267 หน่วย มูลค่า 5,361 ล้านบาท
- อันดับ 3 โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 1,070 หน่วย มูลค่า 5,979 ล้านบาท
- อันดับ 4 โซนลำลูกกา-ธัญบุรี จำนวน 711 หน่วย มูลค่า 3,103 ล้านบาท
- อันดับ 5 โซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก จำนวน 675 หน่วย มูลค่า 2,903 ล้านบาท
โดย ผลจากการสำรวจภาคสนามยังได้พบที่บ้านจัดสรรเหลือขายในไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 130,034 หน่วย เพิ่มขึ้น 11.4% มูลค่า 886,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.9%
ขณะที่ 5 ทำเลสำหรับบ้านจัดสรรที่ต้องระมัดระวังเนื่องจากยังคงมีหน่วยเหลือขายที่มาก ได้แก่
- อันดับ 1 โซนบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 20,686 หน่วย มูลค่า 114,376 ล้านบาท
- อันดับ 2 โซนลำลูกกา-ธัญบุรี จำนวน 15,551 หน่วย มูลค่า 91,184 ล้านบาท
- อันดับ 3 โซนคลองหลวง จำนวน 14,457 หน่วย มูลค่า 57,650 ล้านบาท
- อันดับ 4 โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง จำนวน 12,181 หน่วย มูลค่า 81,531 ล้านบาท
- อันดับ 5 โซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก จำนวน 11,367 หน่วย มูลค่า 53,705 ล้านบาท
นอกจากนี้ REIC ยังเผยผลสำรวจตลาดอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่า หน่วยที่มีการเสนอขายใหม่ประเภทอาคารชุด จำนวน 90,585 หน่วย เพิ่มขึ้น 13.1% มูลค่า 403,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับยอดขายได้ใหม่ของอาคารชุดในไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่าจำนวน 6,029 หน่วย ลดลง -3.4% มูลค่า 24,075 ล้านบาท ลดลง -7.5%
ในด้านที่อยู่อาศัยโครงการอาคารชุดเปิดตัวใหม่ในไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่า ในระหว่างการสำรวจมีจำนวน 7,967 หน่วย ลดลง -29.7% และมีมูลค่า 39,991 ล้านบาท ลดลงฃ -13.7%
ด้านยอดขายได้ใหม่ของขายอาคารชุดมีจำนวนทั้งสิ้น 6,029 หน่วยลดลง -3.4% มูลค่า 24,075 ล้านบาท ลดลง -7.5%
สำหรับ 5 ทำเลที่มีหน่วยโครงการอาคารชุดที่มีขายได้ใหม่สูงสุดประกอบด้วย
- อันดับ 1 โซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง จำนวน 1,441 หน่วย มูลค่า 6,211 ล้านบาท
- อันดับ 2 โซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด จำนวน 572 หน่วย มูลค่า 1,551 ล้านบาท
- อันดับ 3 คลองหลวง จำนวน 523 หน่วย มูลค่า 1,159 ล้านบาท
- อันดับ 4 โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศจำนวน 477 หน่วย มูลค่า 1,270 ล้านบาท
- อันดับ 5 โซนธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด จำนวน 420 หน่วย มูลค่า 1708 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทำเลที่มีหน่วยเหลือขายของอาคารชุดมากถึง 84,556 หน่วย เพิ่มขึ้น 14.5% มูลค่า 379,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.6%
อย่างไรก็ตาม ยังต้องระมัดระวังเนื่องจากยังคงมีหน่วยเหลือขายที่มากติดอันดับต้น ๆ แม้ว่าบางพื้นที่จะมียอดขายและอัตราการดูดซับที่ดี ได้แก่
- อันดับ1 โซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง จำนวน 9,846 หน่วย มูลค่า 39,988 ล้านบาท
- อันดับ 2 โซนธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด จำนวน 9,314 หน่วย มูลค่า 29,809 ล้านบาท
- อันดับ 3 โซนพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ จำนวน 8,280 หน่วย มูลค่า 27,391 ล้านบาท
- อันดับ 4 โซนเมืองนนทบุรี-ปากเกร็ด จำนวน 6,580 หน่วยมูลค่า 17,887 ล้านบาท
- อันดับ 5 โซนลาดพร้าว-วังทองหลาง-บางกะปิจำนวน 5,197 มูลค่า 16,965 ล้านบาท