Synology เผยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ พุ่ง 22% ต่อสัปดาห์ - ข้อมูลรั่วไหล 81% แนะองค์กรปรับเกม เปิด 4 โซลูชัน ใหม่ เพิ่มความปลอดภัยในยุคดิจิทัล
รหัท บุญตันจีน ผู้จัดการฝ่ายขายประจำประเทศไทย บริษัท ซินโนโลจี้ จำกัด (Synology) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมี 2 เทรนด์สำคัญ ที่กำลังมีอิทธิพลต่อองค์กรทั่วโลก ได้แก่
เทรนด์แรก มัลแวร์เรียกค่าไถ่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว (Ransomware Protection) การโจมตีทางไซเบอร์โดยเฉพาะ Ransomware ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก มีอัตราการโจมตีเฉลี่ยต่อองค์กรเพิ่มขึ้นถึง 22% ต่อสัปดาห์ ทำให้องค์กรใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในการกู้คืนข้อมูล แม้องค์กรที่ยอมจ่ายค่าไถ่ก็ไม่สามารถรับประกันการกู้คืนข้อมูลได้ทั้งหมด จากสถิติพบว่า 71% ขององค์กรที่ถูกโจมตีไม่สามารถกู้คืนข้อมูลได้สมบูรณ์ ทำให้การมีระบบปกป้องข้อมูลที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ กลายเป็นตัวช่วยสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์
เทรนด์ที่สอง องค์กรทั่วโลกหันมาใช้ระบบ On-premise Productivity Tools ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือหรือซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขององค์กร ซึ่งถูกติดตั้งและใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์หรือคอมพิวเตอร์ภายในองค์กรเอง แทนการใช้ออนไลน์ผ่านคลาวด์ (cloud-based services) เพื่อการปกป้องกันข้อมูลรั่วไหลได้มากขึ้น จากรายงานจาก Varonis ระบุว่า 81% ขององค์กรในปี 2022 ประสบปัญหาข้อมูลรั่วไหล การใช้ On-premise Productivity Tools ช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถควบคุมการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างละเอียด และยังช่วยลดต้นทุนการจัดการข้อมูลในระยะยาว
จากแนวโน้มดังกล่าว Synology ได้ปิดตัวโซลูชันใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรต่างๆ ในยุคดิทัลที่ต้องการขยายศักยภาพในการปกป้องข้อมูล การจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ และการนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง พร้อมเป็นเกราะป้องกันความปลอดภัยที่สูงขึ้น
โดยโซลูชันไฮไลท์ปี 2024 ประกอบด้วย
- โซลูชัน การจัดเก็บและการจัดการข้อมูล (Data Storage and Management)
- โซลูชันป้องกันข้อมูล (Data Protection)
- โซลูชันระบบบริหารจัดการเฝ้าระวังและเตือนภัยครบวงจร (Surveillance)
- Productivity with AI
สำหรับ Synology Office Suite โซลูชันการทำงานร่วมกันแบบครบวงจรที่รวมเครื่องมือต่างๆ เช่น Synology Drive, Synology Office, MailPlus, และ Chat ผสานรวมกับ Synology AI Console เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในทีมภายในองค์กรที่สามารถใช้งานได้แบบ on-premise โดย Synology Office Suite นี้จะช่วยให้การทำงานร่วมกันและการสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่น และให้ความปลอดภัยเต็มประสิทธิภาพบน Private cloud ที่องค์กรเป็นเจ้าของข้อมูล100%
รหัท กล่าวว่า “ที่ผ่านมาบริษัทมีมูลค่าตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) เติบโตขึ้น 150% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และโซลูชันที่ตอบโจทย์ตลาด โดยผลิตภัณฑ์ NAS/SAN ของ Synology มีความยืดหยุ่นและขยายได้สูง เหมาะสำหรับองค์กรทุกขนาด ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ ภาครัฐ และการศึกษา โซลูชันการปกป้องข้อมูลอย่าง Active Backup ยังช่วยปกป้องอุปกรณ์กว่า 20 ล้านรายการ และ Surveillance Station ที่ช่วยดูแลปกป้องสถานที่ต่างๆ กว่า 500,000 แห่งทั่วโลก คาดปีนี้มียอดขาย 45 ล้านเหรียญฯ ในตลาด SEA”
ทั้งนี้ บริษัทยังมั่นใจในศักยภาพของตลาดประเทศไทย โดยเล็งเห็นโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจดิจิทัล รวมถึงการเร่งผลักดันโครงการ Digital Transformation จากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการข้อมูลในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Threats) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการด้านการปกป้องข้อมูลเพิ่มสูงขึ้น ด้วยโซลูชันที่ครอบคลุม ตอบโจทย์องค์กรในภาคธุรกิจ รัฐบาล และการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัลที่ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลมีความสำคัญอย่างยิ่ง