ไทยเนื้อหอมค่ายรถพาเหรดตั้งรง.EV ล่าสุด“GAC AION”จากจีน ปักหมุดลงทุนในอีอีซี

ไทยเนื้อหอมค่ายรถพาเหรดตั้งรง.EV ล่าสุด“GAC AION”จากจีน ปักหมุดลงทุนในอีอีซี
ค่ายรถยนต์แห่ลงทุน EV คึกคัก เหตุมีนโยบายส่งเสริมชัดเจนตอกย้ำความเป็นฮับในอาเซียน ขณะที่  GAC AION  สัญชาติจีนพร้อมลงทุน 6,400 ล้านบาท ในอีอีซี

ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม  กล่าวหลังหารือร่วมกับนายเซียว หยง  รองประธานบริษัท GAC AION New Energy Automobile Company Limited (GAC AION) ซึ่งเป็น บริษัท ย่อยของรถยนต์ไฟฟ้าของ GAC Group (Guangzhou Automotive Group) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน ว่า ทาง GAC AION ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า(EV)ในประเทศไทย เนื่องจากรัฐบาลสนับสนุนโครงการรถยนต์ EV และอุตสาหกรรมยานยนต์มาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ในเรื่องการทำการตลาดและสนับสนุนในเชิงนโยบาย สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ผ่านทางคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ  ขณะเดียวกันในแง่ของมาตรฐานต่างๆไทยเป็นผู้กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ EV ในอาเซียน มาโดยตลอด ดังนั้น หากทาง GAC AION เข้ามาลงทุน จะทำให้ไทยเพิ่มศักยภาพการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในระดับอาเซียน และเกิดการยอมรับไปทั่วโลกมากยิ่งขึ้น

การทำงานของบริษัท GAC AION เติบโตเร็วใช้เวลาเพียง 5 ปี ก็สามารถก้าวขึ้นเป็น Top 3 ของตลาดรถยนต์ EV ในจีน จึงนับเป็นเครื่องการันตีได้ว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ EV มีลู่ทางที่สดใส ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงรถยนต์ EV เท่านั้น ยังรวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ เช่น เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการผลิตแบตเตอรี่ หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นต้น

ขณะเดียวกันในเรื่องของมาตรฐานต่าง ๆ ที่ใช้ในการทดสอบ ได้แจ้งกับทาง GAC AION ไปแล้วว่า ประเทศไทยมีศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center–ATTRIC) และยินดีหากทาง GAC AION จะนำรถยนต์เข้ามาทดสอบมาตรฐานหรือทำ R&D ในไทย ก็สามารถดำเนินการได้

นอกจากนี้ไทยยังมีการลงทุนของบริษัทชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำระดับโลกถึง 17 แห่ง จาก 20 แห่ง โดยกระจายอยู่ใน 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดปทุมธานี ระยอง ชลบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร อาทิ BOSCH , DENSO , SUMITOMO YAZAKI , FAURECIA เป็นต้น ทำให้สามารถรองรับการเป็นห่วงโซ่การผลิตรถยนต์ได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ในพื้นที่ อีอีซี กว่า 40 แห่ง ซึ่งมีระบบการกำกับดูแลที่เป็นมาตรฐานระดับสากล แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความเชื่อมั่นของประเทศเป็นอย่างยิ่ง

ด้านนายเซียว หยง รองประธานบริษัท GAC AION กล่าวว่า เบื้องต้นได้เตรียมการที่จะมาลงทุนในไทย 100% แต่หลังจากที่ได้ไปหารือกับหลายหน่วยงาน อาทิ อีอีซี และ บีโอไอ ก็ทำให้เกิดแนวคิดการหาผู้ร่วมลงทุน โดยในการลงทุนจะเป็น GAC AION ถือครองสัดส่วนในจำนวนที่มากกว่า และตั้งเป้าผลิตรถยนต์ EV ในไทยให้ได้ 100,000 คันต่อปี นอกจากการตั้งโรงงานการผลิตรถยนต์ EV แล้ว ยังขยายไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องในการผลิตแบตเตอรี่ด้วย ทั้งนี้ มูลค่าการลงทุนในประเทศไทยของ GAC AION เบื้องต้น อยู่ที่ประมาณ 1,300 ล้านหยวน หรือ ประมาณ 6,400 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัท AION ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระบบอัตโนมัติ การผลิตเทคโนโลยี Robot และอุตสาหกรรมการบินและการคมนาคมอื่น ๆ ที่ไม่เฉพาะแต่รถยนต์ EV เท่านั้น แต่จะขยายไปยัง Eco System ในด้านอื่น ๆ ด้วย โดย AION มีความต้องการใช้พื้นที่ในการตั้งโรงงานประมาณ 500 ไร่ แต่ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาถึงองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น ระบบการขนส่งโลจิสติกส์ และระบบการดำเนินการอื่น ๆ แล้ว อาจต้องใช้พื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่

อย่างไรก็ตาม การตั้งโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่มากกว่า 500 - 1,000 ไร่ และนักลงทุนเป็นชาวต่างชาติ มีความเป็นไปได้ว่าต้องตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม หรือสวนอุตสาหกรรม จึงจะได้รับสิทธิในการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ โดยได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ

สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ของประเทศไทยในปี 2565 ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) มีการผลิตรถยนต์ จำนวน 1,883,515 คัน การจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ 849,388 คัน มีการส่งออกรถยนต์ จำนวน 1,000,256 คัน และมียอดจดทะเบียน ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) อยู่ที่ 20,816 คัน เติบโตขึ้นถึง 260% จากปี 2564

ทั้งนี้มีบริษัทรถยนต์ที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนผลิตรถ EV และแบตเตอร์รี่ แล้วหลายบริษัท เช่น โตโยต้า  นิสสัน  ฮอนด้า  GWM  MG และ BYD 

 

TAGS: #รถยนต์ไฟฟ้า #EV #GAC #AION #อีอีซี