คาดเห็นดอกเบี้ยนโยบายที่​ 1.50% ปลายปีหน้า​

คาดเห็นดอกเบี้ยนโยบายที่​ 1.50% ปลายปีหน้า​
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย คาดเห็นดอกเบี้ยนโยบายที่​ 1.50% ปลายปีหน้า โดย กนง. จะค่อยๆ ทยอยปรับเว้นช่วงดูการปรับตัวทางเศรษฐกิจ

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ​ 5 ต่อ 2 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง​ 0.25% เหลือ​ 2.25% ต่อปี​ เป็นปัจจัยหลักให้ลดน่าจะมาจากดังน้

1 ต้องเข้าใจว่าแบงก์ชาติมีเกณฑ์​ในการพิจารณา​ 3 ส่วน​ คือ​ การเติบโตทางเศรษฐกิจ​ เงินเฟ้อ​ และเสถียรภาพ​ตลาดเงินในส่วนของการเติบโตทางเศรษฐกิจ​ แบงก์ชาติมองปีนี้ขยายตัวใกล้เคียงที่เคยมองไว้​ หรือโต​ 2.7% ในปี​ 2567 และ​ 2.9% ในปี​ 2568​ (มองดีขึ้นในปีนี้จาก​ 2.6% แต่ลดลงจาก​ 3.0%ปีหน้า) โดยมองเศรษฐกิจ​ไทย​มีแรงสนับสนุนจากการส่งออกและการท่องเที่ยว​ รวมทั้งมาตรการแจกเงินภาครัฐก็น่ากระตุ้น​การบริโภค

2 ส่วนเงินเฟ้อมองว่าเฉลี่ยที่​ 0.5%ปีนี้และ​ 1.2%ปีหน้า​ โดยเงินเฟ้อในระยะต่อไปน่ามาจากราคาอาหาร​ แต่เงินเฟ้อต่อไปยังต่ำจากปัญหาเชิงโครงสร้างหรือการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีน​ แต่เชื่อว่าน่าเข้ากรอบล่าง​ได้​ (กรอบเงินเฟ้ออยู่ที่​ 1%-3%)

3​ ซึ่งมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินให้น้ำหนักที่สุดคือเรื่องเสถียรภาพ​ตลาดเงิน​ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือน​ ซึ่งตอนนี้หนี้ครัวเรือนต่อรายได้เริ่มลดลง​ หรือหนี้เริ่มชะลอลง​ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหารายได้เติบโตช้า​ สินเชื่อขยายตัวชะลอลง​ เมื่อลดดอกเบี้ยก็น่าบรรเทาภาระหนี้ได้โดยไม่น่าทำให้​ Household debt/GDP​ ขยายตัวไปอีก

นอกจากหลักเกณฑ์​ทั้งสามแล้ว​ แบงก์ชาติยังจับตาค่าเงินบาทด้วย​ เพราะบาทที่แข็งค่าจะส่งผลเสียต่อการฟื้นตัวของผู้ส่งออกและกลุ่มท่องเที่ยว​ โดยหลังเฟดลดดอกเบี้ยมา​ บาทแข็งค่าแรงมาก​ การลดดอกเบี้ยของไทยพอช่วยประคองบาทให้มีเสถียรภาพ​และอ่อนค่าได้เล็กน้อย

แม้แบงก์ชาติจะสื่อสารให้ตีความว่าลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาหนี้​ แต่ผมมองว่าทำไมทำตอนนี้​ทั้งๆที่เห็นหนี้ครัวเรือนทยอยลดได้จากสินเชื่อที่ขยายตัวต่ำ​ จึงมองว่าน่าเพราะภาครัฐไม่ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ​ขนาดใหญ่หรือดิจิทัลวอล์เล็ตสะมากกว่า​ เพราะนั่นอาจเสี่ยงต่อเสถียรภาพ​เศรษฐกิจ​และปัญหาเงินเฟ้อ​ แต่พอลดขนาดเงินและแจกเฉพาะกลุ่มเป้าหมายได้​ ก็น่าสบายใจขึ้นจนลดดอกเบี้ยได้

นายอมรเทพ กล่าวว่า มองต่อไป​ ดอกเบี้ยขาลงเลยไหม ซึ่งแม้จะเซอร์ไพรส์​ที่ลดรอบนี้​ คิดว่าน่าลดรอบที่แล้ว​ แต่แบงก์ชาติสื่อสารเหมือนจะไม่ลดเพราะห่วงปัญหาหนี้​ เลยคิดว่าคงไว้ก่อนแล้วค่อยลดเดือนธันวา​คม​ มาตอนนี้​ มองว่าดอกเบี้ยไทยน่าปรับลดลงต่อได้​อีก​ และระดับดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวได้ต่ำ​ เงินเฟ้อหลุดกรอบล่าง​ สินเชื่อโตช้า​ บาทจะพลิกมาแข็ง​ และปัจจัยเชิงโครงสร้างอื่นๆ​ เช่น​ สังคมสูงวัย​ ขาดแคลนแรงงาน​ ขาดการลงทุน​ น่าเห็นดอกเบี้ยนโยบายที่​ 1.50% ปลายปีหน้า​ แต่กนง.ไม่น่าปรับลดลงในทันที​ น่าปรับลดครั้งเว้นครั้ง​ก่อนหรือเว้นช่วงเพื่อดูการปรับตัวของเศรษฐกิจ​ และประเมินผลการลดดอกเบี้ย

มองต่อไป​ น่าเห็นการประสานงานด้านเศรษฐกิจของนโยบายการเงินและการคลัง​ แต่อย่าเพิ่งกังวลว่าการเมืองแทรกแซงนะครับ​ ผมว่าแบงก์ชาติน่ามีเหตุผลและยืดหยุ่นพอ

ส่วนลดดอกเบี้ยแล้วเศรษฐกิจ​ไทย​จะฟื้นดีเลยไหม​ ขอตอบว่าไม่น่าใช่​ จริงๆแล้วผมมองด้านลบกว่าที่แบงก์ชาติมอง​ คือมองปีนี้ขยายตัวเพียง​ 2.3% ต่ำกว่า​ที่แบงก์ชาติประเมินที่​ 2.7% แม้ตัวสนับสนุนจะมาจากส่งออกและท่องเที่ยว​ แต่ที่น่าห่วงคือการบริโภคของคนรายได้น้อยได้แรงกระทบจากน้ำท่วม​ และปัญหาการลงทุนภาคเอกชนอ่อนแอ​ ตัวเลข​ MPI ติดลบต่อเนื่องและการกระทบการจ้างงานและรายได้แรงงาน​ รวมทั้งภาคการก่อสร้างยังหดตัว​ ผมรอประเมินตัวเลข​ GDP​ ไตรมาส​สามที่ทางสภาพัฒน์​จะรายงานช่วงกลางเดือนหน้า​ ว่าจะสอดคล้องกับที่แบงก์ชาติมองที่ระดับ​ 3%หรือไม่​ เพราะผมมองไว้เพียง​ 2.2%

หากเดือนหน้า​ เศรษฐกิจ​ไทยยังขยายตัวต่ำ​ มาตรการรัฐยังไม่มีการแจกเงินขนานใหญ่อย่างที่กังวล​ และเฟดลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง​ ส่วนการเลือกตั้งสหรัฐก็ไม่มีแรงกระแทกต่อเศรษฐกิจ​โลก​ เราน่าเห็นการปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องหรือการสื่อสารด้านดอกเบี้ยขาลงชัดเจนขึ้น

TAGS: #ธนาคาร #ซีไอเอ็มบี #ไทย